“สว.อังคณา” แนะ “วัส” อดีตประธาน กสม.อ่านรายงานจากผู้เชี่ยวชาญ UN ด้านการต่อต้านการทรมาน ยันต้องกล้าออกมาพูด เพราะก็รักชาติไม่น้อยกว่าใคร ไม่อยากเห็นไทยต้องไปตอบคำถามบ้า ๆ ในเวทีโลก ลั่น ไม่สามารถล่ารายชื่อถอดถอนออกจาก สว.ได้ พร้อมชวนมาร่วมแก้ไข รธน.
(14 ต.ค.68) นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนายวัส ติงสมิตร อดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กมองว่า การเปิดซาวด์ผี ไม่ผิด และไม่ครบองค์ประกอบการทรมาน ตามกฎหมายไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมจวก “ตัวเป็นไทย แต่ใจเป็นเขมร” นั้น
นางอังคณา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวช่อง 7HD ว่า อยากจะแนะนำให้ลองไปอ่านรายงานของผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ ด้านการต่อต้านการทรมาน ที่ได้ทำรายงานวิจัยศึกษาเอาไว้ เรื่องการทรมานทางจิตวิทยา ที่ระบุไว้ว่า การทำให้เหยื่อสูญเสียอำนาจ หรือการทำอะไรไม่ได้เลย อยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถหนีไปจากสภาพนั้นได้ เพื่อให้สิ่งนั้นยุติลงได้ หรือเป็นการกระทำที่ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ และเป็นความตั้งใจที่ต้องการให้เกิดขึ้น จนทำให้เกิดความกดดันในจิตใจ ซึ่งทั้งหมดนี้มีหลักเกณฑ์อยู่ ซึ่งทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาจึงได้หยิบยกเรื่องดังกล่าว ร้องเรียนไปยังข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยส่วนตัวก็ทำงานด้านนี้มาโดยตลอด และได้อ่านรายงานฉบับดังกล่าวแล้ว จึงได้ตั้งคำถามว่า เป็นการเข้าข่ายด้านสิทธิมนุษยชนหรือไม่ และเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ก็ต้องไปชี้แจงในเวทีระหว่างประเทศ
ส่วนที่มาบอกว่า คนไทยใจเขมร มองว่า ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่สิ่งที่ตนทำไปคือความปรารถนาดีต่อประเทศไทย เพราะตนเองก็เป็นคนไทยที่รักชาติ ไม่น้อยไปกว่าใคร แต่เลือกที่จะเตือน และกล้าที่จะเตือน ในสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่นว่า ถูกต้อง และไม่อยากให้ประเทศไทยเสียหน้าในเวทีระหว่างประเทศ
ส่วนกรณีที่บอกว่า เป็นการตกใจเพียงชั่วคราว ยังถึงขั้นทรมานทางจิตใจ สว.อังคณา มองว่า บางทีถ้าเคยผ่านเรื่องของความรุนแรง แม้จะได้ยินไม่กี่ครั้ง แต่พอได้ยินเสียงแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า ตัวเองอาจทุกข์ทรมาน ซึ่งเราไม่สามารถประเมินผลได้เลย และจะรู้ได้อย่างไรว่า เขาแค่ตกใจ ซึ่งเสียงที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว และในหนังสือที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาส่งถึง ข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เขียนระบุเวลาไว้เลย ซึ่งถ้าอยากจะเปิดก็เปิดในเวลากลางวัน และหันลำโพงมาทางประเทศไทย ก็คงไม่เป็นอะไร แต่กรณีเปิดในยามวิกาล ซึ่งในหนังสือของกัมพูชาไม่ได้บอกเลยว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ของกัมพูชา แต่ระบุว่า เป็นการรบกวนความปกติสุขของพลเรือนกัมพูชา
ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาโดนดรามาถล่ม และจะมีการล่ารายชื่อ เพื่อถอดถอนออกจาก สว.นั้น นางอังคณา ยืนยันว่า เรื่องล่ารายชื่อถอดถอน สว. ไม่สามารถทำได้ เพราะว่ารัฐธรรมนูญไม่เปิดช่องให้ แต่ว่า ช่วงนี้อยู่ในช่วงเวลากำลังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้ช่วยกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากอยากจะได้อะไรก็เสนอกันมา
ส่วนเรื่องดรามา อยากจะเรียนว่า การแสดงความคิดเห็นโดยบริสุทธิ์ และสุจริตใจ เพื่อท้วงติงหรือชี้แนะด้วยความสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ทำได้ ทั้งกฎหมายไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ แต่การแสดงความคิดเห็นที่ลดทอน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือเป็นการด้อยค่า สร้างความเกลียดชัง อันนี้ถือว่า ขัดกฎหมาย ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรกระทำด้วยความรอบคอบ และระมัดระวัง ถามว่า ท้อหรือไม่ ก็ธรรมดา เพราะคนทำงานสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ก็จะเจอปัญหาแบบนี้ เพราะเราต้องมีคนที่กล้าที่จะออกมาเตือนตรง ๆ ซึ่งส่วนตัวไม่อยากให้ประเทศไทยไปเจอกับคำถามอะไรบ้า ๆ แบบนี้ ในเวทีระดับประเทศ เช่น รถดูดส้วม จะเอาอุจจาระไปปาใส่ หรือการเปิดเสียงซาวด์หลอน ซึ่งในฐานะที่ประสบการณ์เรื่องพวกนี้ ก็พยายามที่จะติง แต่ถ้าหากไม่ฟังก็คงสุดแท้แต่