ไข้หวัดใหญ่ แนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ป่วยแล้ว 6.7 แสนคน เสียชีวิต 75 คน ในจำนวนนี้ 72 คน ไม่มีประวัติฉีดวัคซีน ในช่วง 1 เดือน มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบมากสุด
วันนี้ (15 ต.ค.68) แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึง 5 อันดับโรคที่พบผู้ป่วยมากที่สุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคอุจจาระร่วง โรคปอดอักเสบ โรคมือเท้าปาก โรคติดเชื้อไวรัส RSV ส่วน 5 อันดับโรคที่พบผู้เสียชีวิตมากที่สุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ โรคปอดอักเสบ โรคเมลิออยโดสิส โรคไข้หวัดใหญ่ โรคเลปโตสไปโรสิส (ไข้ฉี่หนู) โรคไข้เลือดออก
โรคไข้หวัดใหญ่ แนวโน้มผู้ป่วยยังเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 6 ต.ค.68 พบผู้ป่วยสะสม 678,433 ราย เสียชีวิต 75 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กอายุ 5 – 9 ขวบ โดยกลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากที่สุดคือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง วัณโรคปอด โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 72 ราย ไม่มีประวัติรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ส่วนสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในเดือนกันยายนคือ A/H3N2
โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) แนวโน้มผู้ป่วยยังอยู่ในระดับสูงและสูงกว่าปี 2567 ในช่วงเวลาเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 6 ต.ค.68 พบผู้ป่วยสะสม 25,176 ราย เสียชีวิต 3 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ อาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV มีอาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก ต่อมาอาจมีอาการรุนแรง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีด หรือเสียงครืดคราดในลำคอ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวโรคปอด โรคหัวใจ โรคติดเชื้อไวรัส RSV ติดต่อได้จากละอองเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV และการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยเชื้อจะมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมง มีระยะฟักตัว 2 – 8 วัน
โรคมือเท้าปาก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.– 10 ต.ค.68 พบผู้ป่วยสะสม 100,480 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ หากเด็กป่วยควรหยุดเรียนและพบแพทย์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ สำหรับสถานศึกษา ควรคัดกรองเด็กนักเรียนก่อนเข้าเรียน แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ หากพบเด็กป่วย 2 รายขึ้นไปในห้องเดียวกันภายใน 1 สัปดาห์ ควรปิดห้องเรียนอย่างน้อย 1 วัน เพื่อทำความสะอาดและแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
