ทางการเกาหลีใต้ ออกคำสั่ง “ระดับสูงสุด” ห้ามชาวเกาหลีใต้เดินทางไปในบางพื้นที่ เช่น ปอยเปต, กำปง และสีหนุวิลล์ ของกัมพูชา และให้ชาวเกาหลีใต้ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวรีบออกจากพื้นที่
วันนี้ (16 ต.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการเกาหลีใต้ สั่งห้ามเดินทาง “ระดับสูงสุด” ไปในบางพื้นที่ของกัมพูชา เมื่อวานนี้ (15 ต.ค. 68) และได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าไปช่วยเหลือพลเมืองที่ถูกหลอกให้ทำงานในศูนย์สแกมเมอร์ และปล่อยตัวเหยื่อที่ถูกควบคุมตัวโดยไม่สมัครใจ
ขณะที่ทางกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ออกคำสั่ง “ระดับสูงสุด” ห้ามเดินทางไป-ให้เดินทางออกจากพื้นที่บางส่วนของกัมพูชา ประกอบด้วย ปอยเปต, กำปง และสีหนุวิลล์ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเคสการถูกกักขังและการหลอกจ้างงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางเข้าหรือพำนักอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวอาจถูกลงโทษ
ขณะที่ “วี ซอง-ลัค” ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ กล่าวว่า รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ นำคณะเดินทางไปยังกัมพูชา เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชาวเกาหลีใต้ในขบวนการสแกมเมอร์ที่ “ซับซ้อน” นอกจากนี้ “วี ซอง-ลัค” ยังได้กล่าวว่า คาดว่ามีชาวเกาหลีใต้กว่า 1,000 คน อยู่ในกลุ่มคนประมาณ 200,000 คน จากหลากหลายสัญชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา
นอกจากนี้ “วี ซอง-ลัค” ยังได้กล่าวว่า ตำรวจและกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ได้ดำเนินการกับรายงานมากกว่า 300 ฉบับ ที่ยื่นโดยญาติของพลเมืองเกาหลีใต้ที่เชื่อว่าสูญหายในกัมพูชาในปีนี้ และคดีเหล่านี้ได้รับการแก้ไขแล้วประมาณ 80% ขณะนี้รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังดำเนินการกับ 72 คดี และมีแผนที่จะนำตัวผู้ที่ถูกทางการกัมพูชาควบคุมตัวตั้งแต่เดือนกรกฎาคมกลับมาประมาณ 60 คน ซึ่งเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนสูญหายหรือถูกควบคุมตัวโดยไม่สมัครใจ
โดยการเคลื่อนไหวของเกาหลีใต้ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากการนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ อายุ 22 ปี คนหนึ่ง ถูกหลอกให้ไปทำงานในศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา โดยอ้างว่าจะได้รับค่าจ้างสูง และได้ถูกทรมานจนเสียชีวิต
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการเกาหลีใต้เรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชา เข้าพบเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์การเสียชีวิตของชาวเกาหลีใต้ รวมถึงการกักขังพลเมืองเกาหลีใต้โดยกลุ่มอาชญากรทางไซเบอร์ และเรียกร้องให้พนมเปญดำเนินการดังกล่าว
ทาง “แอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล” กล่าวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลกัมพูชาตั้งใจ “เพิกเฉย” ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มอาชญากร และรูปแบบความล้มเหลวของรัฐที่ทำให้อุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์นี้เฟื่องฟู ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการไม่ดำเนินการใด ๆ และกล่าวว่ารายงาน "เกินจริง"
ด้าน องค์การสหประชาชาติ ประมาณการว่า ศูนย์สแกมเมอร์ที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 สร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับเครือข่ายอาชญากรทุกปี โดยมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลกผ่านการหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์