พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดสุทัศนเทพวราราม

View icon 227
วันที่ 16 ต.ค. 2568 | 20.05 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
เวลา 17.28 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ไปยังพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน 

ในการนี้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แล้วทรงประกอบพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน

วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า เดิมชื่อวัดใหม่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช เสด็จมาประทับเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก จึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบวรนิเวศวิหาร ภายในพระอุโบสถ มีพระพุทธรูปสำคัญ 2 องค์ พระประธานองค์ใหญ่ คือ "พระสุวรรณเขต" อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี และพระประธานที่ประดิษฐานอยู่ทางด้านหน้าพระสุวรรณเขต คือ พระพุทธชินสีห์ อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก ที่ใต้ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ บรรจุพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

เมื่อพระสงฆ์ทำพิธีกฐินกรรมแล้ว ทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะพระรูป สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และพระอัฐิสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) พระราชกรรมวาจาจารย์ ทรงทอดผ้าไตร และถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน  ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก

โอกาสนี้ พระพรหมวชิรรังษี เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ถวายพระกริ่งบัวรอบ 12 รอบ พระนักษัตร เนื้อทองคำ และเนื้อนวโลหะ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ที่เสด็จออกทรงผนวชหลายพระองค์ และเป็นที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์ ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดการศึกษาของคณะสงฆ์ คือ มหามกุฏราชวิทยาลัย ปัจจุบัน มีพระพรหมวชิรรังษี เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์และสามเณร จำพรรษา รวม 115 รูป

เวลา 18.23 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้ากฐิน พุทธศักราช 2568 ในการนี้ เสด็จเข้าพระวิหารหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธศรีศากยมุนี แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ พระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธศรีศากยมุนี

จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอุโบสถ ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้ากฐิน พุทธศักราช 2568

วัดสุทัศนเทพวราราม หรือนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า "วัดสุทัศน์" เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ในต้นยุคกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างวัดขึ้นในพื้นที่พระนครชั้นใน ในปี 2350 พระราชทานนามว่า "วัดมหาสุทธาวาส" มีพื้นที่อยู่ในดงสะแก เป็นที่ลุ่ม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถมที่และสร้างเป็นวัด และสร้างพระวิหารขึ้นก่อน เพื่อประดิษฐานพระพุทธศรีศากยมุนี หรือ พระโต ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย แต่สิ้นรัชกาลก่อนที่จะประดิษฐานเป็นสังฆาราม จึงเรียกกันว่า วัดพระโต วัดพระใหญ่ หรือ วัดเสาชิงช้า จนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างต่อ และทรงจำหลักบานประตูพระวิหารด้วยพระองค์เอง แต่ก็สิ้นรัชกาลก่อนที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ จนมาเสร็จบริบูรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ในปี 2390 และพระราชทานนามว่า "วัดสุทัศน์เทพวราราม" ปรากฏในจดหมายเหตุว่า "วัดสุทัศน์เทพธาราม" และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ทรงผูกนามพระประธานในพระวิหาร พระอุโบสถ และศาลาการเปรียญ ให้คล้องกันว่า พระพุทธศรีศากยมุนี, พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ และพระพุทธเสฏฐมุนี ปัจจุบัน มีพระพรหมวชิรมุนี เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ จำพรรษา 72 รูป และสามเณร 23 รูป

โอกาสนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสนับสนุนวัด และสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก ภายในวัดสุทัศนเทพวราราม ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้เชิญพระบรมราชสรีรางคารมาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์ พระพุทธศรีศากยมุนี เมื่อปี 2493 และมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ในวันที่ 9 มิถุนายน ของทุกปี ทั้งนี้ ในวันที่ 31 สิงหาคม 2566 กรมศิลปากร ได้กำหนดเขตโบราณสถานของวัดสุทัศนเทพวราราม ให้มีพื้นที่โบราณสถาน 28 ไร่ 76 ตารางวา โดยพระอุโบสถ เป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ผนังด้านในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 3 ซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นซุ้มยอดเจดีย์ มีลักษณะแปลกตาและงดงาม รอบ ๆ พระอุโบสถ มีซุ้มเสมา 8 ซุ้ม ตั้งอยู่บนกำแพงแก้ว เป็นใบเสมาคู่ทำจากหินอ่อนสีเทา สลักเป็นภาพช้าง 3 เศียร งวงชูดอกบัวตูมเศียรละ 1 ดอก เบื้องบนมีดอกบัวบาน 3 ดอก บนกำแพงแก้วด้านทิศเหนือและทิศใต้ มีเกยอยู่ด้านละ 4 เกย ใช้เป็นที่สำหรับประทับโปรยทานแก่ประชาชนในงานพระราชพิธี เรียกว่า "เกยโปรยทาน"

ข่าวอื่นในหมวด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง