เช้านี้ที่หมอชิต - ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ไทย - กัมพูชา ที่ลุกลามกลายเป็นเรื่องที่นานาชาติร่วมกันจับมือปราบปราม "สแกมเมอร์" ในกัมพูชา
ซึ่งเมื่อวานมีความเคลื่อนไหวใหญ่จากผู้นำไทย และผู้นำกัมพูชา โดย "ฮุน มาเนต" นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้หารือกับคณะผู้แทนจากเกาหลีใต้ นำโดย นางคิม จินา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ เพื่อแก้ไขปัญหาชาวเกาหลีใต้ถูกหลอกลวง และถูกควบคุมตัวบังคับให้ทำงาน
สื่อต่างประเทศรายงานว่า "ฮุน มาเนต" กล่าวว่า เสียในอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และระบุว่ากำลังเร่งปราบปราม "สแกมเมอร์" และกังวลข่าวด้านลบเกี่ยวกับกัมพูชาในสื่อของเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้เกิดความกังวล จนล่าสุดหน่วยงานต่าง ๆ ได้ยกเลิกภารกิจอาสาสมัครในกัมพูชาเป็นจำนวนมาก
ขณะที่นางคิมยืนยันว่า ทั้ง 2 ประเทศ ต้องร่วมมือใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา และเร่งส่งตัวชาวเกาหลีใต้ที่ถูกควบคุมตัวกลับประเทศบ้านเกิด
โดยสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กัมพูชาเตรียมส่งตัวชาวเกาหลีใต้ 59 คน กลับเกาหลีใต้ในวันนี้ (17 ต.ค.) ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีรายงานว่ามีการปิดตัวของฐานสแกมเมอร์หลายจุด โดยเฉพาะที่สีหนุวิลล์ และกำลังจะเตรียมย้ายฐานไปที่อื่น
หลังจากนั้น "ฮุน มาเนต" ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ถึงเรื่องการหารือกับทางการเกาหลีใต้ พร้อมกับบอกว่า "ได้ฝากให้รัฐมนตรีช่วยฯ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ไปบอกประธานาธิบดีเกาหลีใต้ว่า ไม่ให้ไทยเข้ามายุ่งเรื่องปราบสแกมเมอร์"
พร้อมอ้างว่า "เกาหลีใต้ และกัมพูชา มีความสามารถเพียงพอแก้ไขปัญหา ไม่ต้องให้ประเทศที่ 3 มาเกี่ยวข้อง และบอกว่าให้แก้ปัญหาในประเทศตัวเองดีกว่า"
ขณะที่ "นายกฯ อนุทิน" ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (16 ต.ค.) หลังจากกลับจากภารกิจ สปป.ลาว โดยได้ตอบโต้ประเด็นที่ "นายกฯ ฮุน มาเนต" ของกัมพูชาพูด โดยบอกว่า ประเทศไทยไม่มีปัญหา ซึ่งปัญหาของประเทศไทยมีอยู่ที่เดียว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า "ที่ไหน ?" "นายกฯ อนุทิน" บอกว่า เราอย่าไปเพิ่มความเห็นต่างหรือขัดแย้ง ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี
สำหรับภารกิจของ "นายกฯ อนุทิน" ที่เดินทางเยือน สปป.ลาว เพื่อหารือความร่วมมือด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหายาเสพติด การฉ้อโกงออนไลน์ และการค้ามนุษย์ รวมถึงเตรียมจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการค้ามนุษย์ เพื่อให้ช่วยเหลือประชาชนจากทั้ง 2 ประเทศ
นอกจากนั้น "นายกฯ อนุทิน" ยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดี "อี แจ-มยอง" ของเกาหลีใต้ เพื่อหาช่องทางร่วมมือกันปราบสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งไทยพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่
"นายกฯ อนุทิน" บอกว่า ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ไม่สามารถจบได้ในระยะเวลาอันสั้น เมื่อดูจากความขัดแย้งจากทั่วโลก แต่มั่นใจว่าระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาจะมีทางออกที่ดีกว่านี้
ส่วนสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ภาพรวมเมื่อวาน (16 ต.ค.) อ้างอิงจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ไม่พบความเคลื่อนไหวทางทหาร มีเพียงกลุ่มมวลชนกับเจ้าหน้าที่ที่ฝั่งบ้านโจยเจย และบ้านเปรยจัน
ส่วนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 พบโดรนบินตรวจการณ์ที่อำเภอบ้านกรวด 13 ลำ, ช่องโอบก 6 ลำ, พื้นที่ปราสาทตาควาย 6 ลำ และพบรถบรรทุก 1 คัน กำลังมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ชายแดน คาดว่าเป็นการสับเปลี่ยนกำลัง
และล่าสุดกองบัญชาการกองทัพไทย ได้เปิดเผยแบบโครงการสร้างรั้วกั้นชายแดนไทย - กัมพูชา
โดยเป็นรั้วคอนกรีตสำเร็จรูป ครึ่งตะแกรงเหล็ก ชุบอลูซิงค์ และติดลวดหนามหีบเพลง รวมค่าก่อสร้างรั้ว ราคาเมตรละ 7,360 บาท ราคาต่อกิโลเมตรละ 7.36 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังสร้างถนนตรวจการณ์ ซึ่งมีผิวจราจรเป็นลูกรังกว้าง 5 เมตร เป็นพื้นลูกรังบดอัดแน่น 3 ชั้น ราคา 1.3 ล้านบาทต่อกิโลเมตร
เมื่อรวมค่าก่อสร้างทั้งหมด กิโลเมตรละ 8.66 ล้านบาทต่อกิโลเมตร
ด้านชาวบ้านในจังหวัดสระแก้ว หลังได้ยินกระแสข่าว "สมเด็จฯ ฮุน เซน" ขู่จะไม่ทน ถ้าไทยรุกราน ก่อนที่เพจข่าวกัมพูชาจะลบทิ้ง ซึ่งชาวบ้าน ก็มีทั้งกังวลเล็กน้อยแต่ส่วนใหญ่ กลัวกับคำขู่นี้ เพราะเชื่อมั่นทหารไทยจะปกป้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ปลอดภัยได้
ขอบคุณภาพจาก : Facebook Hun Manet