ทูตจีน เข้าพบ นายกฯ ร่วมมือปราบสแกมเมอร์ ขอเป็นกลางขัดแย้งไทย-กัมพูชา หนุน เจรจาอย่างสันติ

ทูตจีน เข้าพบ นายกฯ ร่วมมือปราบสแกมเมอร์ ขอเป็นกลางขัดแย้งไทย-กัมพูชา หนุน เจรจาอย่างสันติ

View icon 109
วันที่ 17 ต.ค. 2568 | 15.36 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ทูตจีน เข้าพบ นายกฯ ย้ำ มิตรภาพไทย-จีน แน่นแฟ้น 50 ปี พร้อมร่วมมือปราบสแกมเมอร์ ขอเป็นกลางขัดแย้งไทย-กัมพูชา หนุน ใช้กลไกเจรจาอย่างสันติ

วันนี้ (17 ต.ค.68) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ นายจาง เจี้ยนเว่ย์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่ พร้อมทั้งได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้ต้อนรับเอกอัครราชทูตจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ซึ่งมิตรภาพไทย–จีน แนบแน่นอย่างต่อเนื่องยาวนานตลอด 50 ปี โดยรัฐบาลมุ่งมั่นจะผลักดันความร่วมมือให้เติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยความร่วมมือกับจีนถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมในภูมิภาค สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งขอบคุณที่รัฐบาลจีนให้ความร่วมมืออันดีมาโดยตลอด และชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยทุกท่านที่มีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์ โดยเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตจีนคนใหม่จะสานต่อและพัฒนาความร่วมมือในทุกด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ด้านเอกอัครราชทูตจีน ฝากคำอวยพรจากนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้แก่นายอนุทิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้ง 2 ประเทศต่างมีมิตรภาพอันแน่นแฟ้นมากว่าครึ่งศตวรรษ โดยต่างเคารพ สนับสนุน และร่วมมือกันอย่างเสมอภาค เป็นมิตรแท้ที่ประชาชนทั้งสองฝ่ายตระหนักดีว่า “ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” และจะยังคงสานต่อความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้หารือด้านความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งไทยให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และกลุ่มสแกมเมอร์ในภูมิภาค ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชน ยืนยันว่าไทยพร้อมร่วมมือกับทางการจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง ขณะที่เอกอัครราชทูตจีนเห็นพ้อง และพร้อมเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทยในทุกมิติ โดยยินดีจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานไทย เพื่อป้องกัน ปราบปราม และยับยั้งปัญหาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ

เช่นเดียวกับ ความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง เพื่อรักษาเสถียรภาพ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยพร้อมทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong–Lancang Cooperation: MLC) ครั้งที่ 5 ในช่วงเดือนธ.ค.68 เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการรักษาอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน พร้อมร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อสร้างความเข้าใจ และรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ซึ่งไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธีและจะดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเอกอัครราชทูตจีน มีท่าทีที่เป็นกลางต่อสถานการณ์ดังกล่าว สนับสนุนให้ทั้ง 2 ประเทศใช้กลไกที่มีอยู่แล้วเจรจาแก้ไขปัญหาอย่างสันติ เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 32 รวมถึงการประชุมและการหารือทวิภาคีกับประเทศต่าง ๆ ที่จะเข้าร่วมในเวทีดังกล่าว

นอกจากนี้ นายอนุทิน ได้ให้การต้อนรับ คณะผู้บริหารสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย และผู้แทนสภาวิชาชีพ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนวคิดและทิศทางในการขับเคลื่อนวิชาชีพต่าง ๆ ของประเทศ

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีได้ออกเดินทางจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตัว ก่อนจะกลับเข้ามาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งในช่วงบ่าย