Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 17 ต.ค.68
1.กัมพูชายืนยัน ไทย “ไม่ได้” ทำถนนรุกล้ำดินแดนกัมพูชา
กองทัพภาคที่ 5 ของกองทัพกัมพูชา ชี้แจงถึงเรื่องที่มีข่าวและรายงานทางโซเชียลมีเดีย ที่ระบุว่า ประเทศไทยได้เปิดถนนเข้าสู่ดินแดนกัมพูชาใน ต.ถมอดา อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ ขอยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง” โดยการสร้างถนนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนไทย ซึ่งทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวกำลังปกป้องบูรณภาพของดินแดนกัมพูชาอย่างเหนียวแน่น ดังนั้นโปรดอย่าเข้าใจผิดและอย่าแชร์ต่อ
ทางกองทหารภาคที่ 5 ขอเน้นย้ำว่า งานปักปันเขตแดนและการกำหนดเขตแดนเป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการปักปันเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) และความรับผิดชอบนี้ยังได้รับการยืนยันเพิ่มเติมในรายงานการประชุมพิเศษ ครั้งที่ 1 ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568
นอกจากนี้ กองทหารภาคที่ 5 ของกัมพูชา ขอเน้นย้ำว่า กัมพูชา-ไทย มีฐานทางกฎหมายกลไกทางสถาบัน และมาตรการทางเทคนิคที่เพียงพอ และชัดเจนในการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามอนุสัญญาปี พ.ศ.2447 และสนธิสัญญาปี พ.ศ.2450 ตลอดจนการปักปันเขตแดนร่วมกันของจุดตรวจ 74 แห่ง ซึ่งทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทยได้ให้การยอมรับและยืนยันอีกครั้งในบันทึกความเข้าใจปี 2543 (MOU 43)
2.กัมพูชาเข้าตรวจอาคารศูนย์สแกมเมอร์ พบแต่ความว่างเปล่า
ทางการกัมพูชาได้เข้าตรวจสอบอาคารที่ต้องสงสัยว่าเป็น ศูนย์สแกมเมอร์ ซึ่งใช้แรงงานที่ถูกค้ามนุษย์เพื่อหลอกลวงเหยื่อทั่วโลก แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง สิ่งที่เจ้าหน้าที่พบ คือ ความว่างเปล่า ผู้คนที่เคยพักอาศัยอยู่ในอาคารหลังนี้ ได้ย้ายออกไปหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงเก็บหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ ข้าวของที่เหลือไว้ไปตรวจสอบ
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้สอบถามแม่ค้า ที่ขายของอยู่บริเวณดังกล่าว เธอบอกว่า เท่าที่เธอสังเกตมา ก็เห็นทุกอย่างเป็นปกติ พวกเขามาซื้อของที่นี่และกินข้าวตามปกติ เหมือนกับพวกเราที่เป็นคนท้องถิ่น และไม่เคยได้ยินพวกเขาบ่นอะไรเลย
ทาง “แอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล” กล่าวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลกัมพูชาตั้งใจ “เพิกเฉย” ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มอาชญากร และรูปแบบความล้มเหลวของรัฐที่ทำให้อุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์นี้เฟื่องฟู ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการไม่ดำเนินการใด ๆ และกล่าวว่ารายงาน "เกินจริง"
ด้าน องค์การสหประชาชาติ ประมาณการว่า ศูนย์สแกมเมอร์ที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 สร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับเครือข่ายอาชญากรทุกปี โดยมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลกผ่านการหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์
3.“ทรัมป์” เตรียมหารือ “ปูติน” หาทางยุติสงครามในยูเครน
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มีกำหนดพบกับประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ที่ทำเนียบขาวในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการเจรจาเรื่องที่ยูเครนต้องการให้สหรัฐฯ ขายขีปนาวุธ "โทมาฮอว์ก" ให้กับชาติพันธมิตรยุโรป เพื่อส่งต่อให้ยูเครน
นอกจากนี้ “โดนัลด์ ทรัมป์” เผยว่า หลังจากนี้อีก 2 สัปดาห์ เจ้าตัวมีกำหนดเดินทางไปหารือกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เนื่องจาก “ปูติน” กับ “เซเลนสกี” ไม่ค่อยอยากเจอกันตรง ๆ และเพื่อความยุติธรรมจึงต้องรับฟังความเห็นจากทั้งสองฝ่าย เพื่อหาทางยุติการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลให้ทั้งชาวรัสเซียและยูเครนเสียชีวิตประมาณสัปดาห์ละกว่า 7,000 คน เหมือนที่ “ทรัมป์” ทำให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงในตะวันออกกลางและความขัดแย้งอื่น ๆ อีก 7-8 คู่มาแล้ว
ขณะที่ทาง “วิกเตอร์ ออร์บัน” นายกรัฐมนตรีฮังการี โพสต์ผ่าน X ว่าการพบปะครั้งนี้เป็น "ข่าวดีสำหรับประชาชนผู้รักสันติทั่วโลก" และเสริมว่า "เราพร้อมแล้ว!" และเขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว และกำลังเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดดังกล่าวอยู่
4.กระแสลมแรงพัดถล่มมาเลเซีย อาคารพังเสียหาย
พายุและกระแสลมแรงที่พัดถล่มเมืองกัวลาลางัต (Kuala Langat) ในรัฐสลังงอร์ (Selangor) ทางชายฝั่งทะเลตะวันตกของคาบสมุทรมลายู ของมาเลเซีย วานนี้ (16 ต.ค.) ส่งผลให้อาคารและสิ่งปลูกสร้างหลายหลัง รวมทั้งอาคารเรียนหลังหนึ่ง และบ้านเรือนประชาชนอีกอย่างน้อย 40 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน สำนักงานดับเพลิงและกู้ภัยรัฐสลังงอร์ เปิดเผยว่า มีหญิงคนหนึ่งติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มลงมา เคราะห์ดีเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังมีรายงานนักเรียนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 11 คน แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
5.เพลิงไหม้โรงงานในบังกลาเทศ ครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึงสัปดาห์
วานนี้ (16 ต.ค.) เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารโรงงานทอผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์โรงพยาบาล ที่ตั้งอยู่ในเมืองจิตตะกอง ซึ่งเป็นเมืองท่าและแหล่งอุตสาหกรรมทางตะวันออกเฉียงใต้ของบังกลาเทศ ถือเป็นเหตุเพลิงไหม้โรงงานครั้งใหญ่ครั้งที่ 2 ในช่วงห่างกันเพียง 3 วัน หลังก่อนหน้านี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพิ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานทอผ้าในกรุงธากา มีผู้เสียชีวิตถึง 16 คน
เคราะห์ดีที่เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ในเมืองจิตตะกอง แม้เพลิงจะลุกลามนานกว่า 10 ชั่วโมง แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เนื่องจากไฟเริ่มต้นลุกลามจากโกดังชั้น 6 และชั้น 7 ซึ่งขณะนั้นไม่มีคนงานอยู่ ส่วนคนงานที่อยู่ในชั้นต่ำกว่าสามารถวิ่งลงบันไดหลบหนีออกจากตัวอาคารได้ทันการณ์ ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบแน่ชัด