ศาลไม่รับฟ้องคดี “อนุทิน” หมิ่นประมาท “กุสุมาลวตี” เจ้าตัวเตรียมยื่นอุทธรณ์ ระบุ ยังติดใจบางคำ

ศาลไม่รับฟ้องคดี “อนุทิน” หมิ่นประมาท “กุสุมาลวตี” เจ้าตัวเตรียมยื่นอุทธรณ์ ระบุ ยังติดใจบางคำ

View icon 122
วันที่ 20 ต.ค. 2568 | 14.12 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศาลอาญา ไม่รับฟ้องคดี “อนุทิน” หมิ่นประมาท “กุสุมาลวตี” ชี้ เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริต เพื่อแก้ข่าวปกป้องตัวเอง ขณะที่เจ้าตัวเดินหน้าอุทธรณ์ต่อ ระบุ ยังติดใจบางคำ

วันนี้ (20 ต.ค.68) ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.1418/2568 ที่นางกุสุมาลวตี  ศิริโกมุท  อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี (ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท

คดีนี้โจทก์ฟ้องใจความว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 68 ภายหลังจากที่โจทก์ยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งวุฒิสมาชิกโดยมิชอบต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ กกต. พิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคภูมิใจไทย และโจทก์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความตั้งใจในการยื่นเรื่องดังกล่าวต่อ กกต. แล้วจำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ที่นำเข้าไต่สวนมูลฟ้องประกอบคำแถลงของจำเลยแล้ว เห็นว่า โจทก์ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ กกต. พิจารณายื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคภูมิใจไทย และให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีที่โจทก์เห็นว่าการกระทำของพรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมถึงกรรมการบริหารพรรค และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยกระทำการอันขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสมาชิก โดยโจทก์ให้สัมภาษณ์ก่อนเกิดเหตุหลายครั้ง และวันเกิดเหตุด้วยซึ่งข้อเท็จจริงตามคำสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนของโจทก์ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาจาก กกต.ผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการพิจารณาว่า มีพยานหลักฐานอันควรยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ และเป็นการกล่าวถึงจำเลยโดยตรง จำเลยจึงเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนของจำเลยที่กล่าวถึงลักษณะพฤติกรรมของโจทก์ จึงเป็นคำที่จำเลยโต้ตอบโจทก์เพื่อให้ผู้ที่รู้เห็นเข้าใจว่าโจทก์เป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมแก้ข่าวที่โจทก์ให้สัมภาษณ์อันเป็นการป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ฟ้องโจทก์ไม่มีมูลว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง

ภายหลัง นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของศาล แต่ส่วนตัวยังติดใจใน ความหมายของคำพูดว่า “กักขฬะ” ที่ตีความแล้ว ความหมายไม่ตรงกับที่ตนคิด เพราะทนายจำเลยสืบพยานอ้างคำว่า กักขฬะ คือพื้นดินที่ขรุขระ ส่วนตัวมองว่าเป็นถ้อยคำที่ดูหมิ่นมีความเถื่อน หลังจากนี้จะปรึกษากับทนายความ เพื่อเดินหน้าในการยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป