เกิดเหตุอุกอาจของกลาง "สินค้าผิดมาตรฐาน” หายนับหมื่นชิ้น รมช.อุตฯ สั่ง สมอ.ร่วมตำรวจ ขยายผลทันที ไล่ตรวจเส้นทางหาคนผิดฟันไม่เลี้ยง เตือนประชาชน อย่าเสี่ยงชีวิตกับของถูก ซื้อสินค้าไม่มี มอก. อันตรายถึงชีวิต
เกิดเหตุอุกอาจของกลางสินค้าผิดมาตรฐานที่อยู่ระหว่างกระบวนการคดีถูกลักลอบนำออกจากโกดังเก็บของกลางกว่า 10,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าหลายล้านบาท หายจากโกดัง ทำให้ จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ ( 20 ต.ค.68) ควบคุมสถานการณ์ด่วน พร้อมด้วย นายพีรวัส สมวงศ์ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และเจ้าหน้าที่ สมอ. ตรวจสอบโกดังต้องสงสัยในพื้นที่แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
โดยของกลางที่ตรวจยึดเมื่อวันที่ 13 พ.ค.68 ประกอบด้วยสินค้าไม่ได้มาตรฐาน จำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สมอ. ได้แก่ เครื่องเป่าผม อะแดปเตอร์ พาวเวอร์แบงก์ หม้อหุงข้าว เครื่องปิ้งขนมปัง เตาไฟฟ้า หลอดไฟ LED และหมวกกันน็อก รวม 12,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 2,373,700 บาท โดยทั้งหมดถูกเก็บรักษาไว้ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมาย ในความผิดฐาน จำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า ของกลางเหลือเพียง 315 ชิ้นเท่านั้น สูญหายไปกว่า 10,000 ชิ้น
“นี่คือเหตุอุกอาจท้าทายกฎหมาย ของกลางในคดีถูกขโมยไปกว่าหมื่นชิ้น ผมย้ำให้ชัด — ต้องหาคนผิดให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นคนในหรือคนนอก ไม่มีข้อยกเว้น กฎหมายต้องถึงตัว จึงสั่งการให้ สมอ. ขยายผลทันที ร่วมกับตำรวจและหน่วยงานความมั่นคง ไล่ตรวจเส้นทางของกลางและเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด”
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยัน ยุคนี้ไม่มีเส้น ไม่มีเคลียร์ใต้โต๊ะ ผิดคือผิด และหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยว ดำเนินคดีไม่เว้นเช่นกัน พร้อมสั่งให้ สมอ. ทบทวนมาตรการรักษาของกลางทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน เพื่ออุดช่องโหว่ ป้องกันการลักลอบนำของกลางออกมาจำหน่ายในตลาดมืดอีก
พร้อมเตือน ประชาชน อย่าเสี่ยงชีวิตกับของถูก สินค้าไม่มี มอก. อันตรายถึงตายได้ ต้องเลือกสินค้าได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของครอบครัว
นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า กรณีการลักลอบขนย้ายของกลาง ถือเป็นความผิดเพิ่มเติม มีโทษตามกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ / ความผิดตาม มาตรา 142 ฐานทำลายหรือเอาเอกสารอายัดราชการออกไป มีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ