ดับฝันอนาคตเภสัชสาว! “น้องน้ำตาล” อายุ 20 ปี ถูกระเบิดกัมพูชา ฝังต้นคอ ล่าสุด อาการแขน ขา ยังขยับไม่ได้ ญาติวอนอยากได้เครื่องมือ และทีมแพทย์เก่งๆมาช่วย
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 ได้มีลูกระเบิดของกัมพูชาตกลงร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ จะเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หนึ่งในผู้บาดเจ็บ คือ น.ส.จตุพร หรือ น้องน้ำตาล อายุ 20 ปี โดนสะเก็ดระเบิดมีบาดแผลบริเวณต้นคอ และมีสะเก็ดระเบิดฝังอยู่ภายใน โดยเมื่อวาน (20 ต.ค. 68) นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วย หลังจากได้รับการผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดออกแล้ว แต่มีไขสันหลังบริเวณต้นคอบาดเจ็บ ทำให้มีอาการอ่อนแรงตั้งแต่ต้นคอลงมา รวมถึงกระบังลมอ่อนแรง ส่งผลให้มีภาวะหายใจลำบาก ต้องเจาะคอ
ล่าสุด วันนี้ (21 ต.ค. 68) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านของน้องน้ำตาล ที่อยู่ในตำบลโพนข่า อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้พบกับ นางเชาวณี อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นป้าของน้องน้ำตาล ได้พาเดินดูบ้าน และเล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่คุณยายสร้างทิ้งไว้ให้น้องน้ำตาล เนื่องจากพ่อและแม่ของน้องน้ำตาล ไปทำงานอยู่ที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์ และพักอยู่ที่บ้านพักข้าราชการ ยังไม่ได้สร้างบ้านไปหลักเป็นแหล่ง ยายเลยแอบขายที่ดินเอาเงินมาสร้างบ้านหลังนี้ให้น้องน้ำตาล
โดยวันที่เกิดเหตุ น้องน้ำตาล ได้ไปทำงานกับคุณพ่อคุณแม่และไปอยู่ที่บ้านพักที่อนามัยภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระเบิดกัมพูชามาตกที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน บ้านผือ ตนได้โทรหาแม่น้องน้ำตาลด้วยความเป็นห่วง และให้แม่น้องน้ำตาลพาลูกพาครอบครัวอพยพออกจากพื้นที่ โดยสาเหตุที่ครอบครัวน้องน้ำตาลได้อพยพออกมาช้า ก็เนื่องจากคุณพ่อน้องน้ำตาลเป็นห่วง อสม. และประชาชนในพื้นที่ที่ยังอพยพออกมายังไม่หมด
ในขณะที่ครอบครัวน้องน้ำตาลกำลังขับรถออกจากพื้นที่นั้น น้องน้ำตาล เกิดปวดปัสสาวะ แม่จึงพาน้องไปแวะที่ปั๊มน้ำมันบ้านผือ และน้องได้เข้าไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ โดยบอกให้พ่อ แม่รอข้างนอก ตอนที่ระเบิดมาตกตรงร้านสะดวกซื้อ ขณะที่น้องกำลังรอจ่ายเงิน พอระเบิดตกลง คุณพ่อตั้งสติวิ่งเข้าไปหาน้องน้ำตาล พอเจอน้องน้ำตาลนอนหมดสติอยู่ พ่อได้ช่วยเหลือ CPR จนน้องมีสติขึ้นมา พ่อได้นำน้องส่งโรงพยาบาลกันทรลักษ์ ส่งต่อที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อทำการผ่าตัดด่วนรักษาได้อย่างรวดเร็วจน ทำให้น้องพ้นขีดอันตรายและส่งตัวรักษาต่อที่กรุงเทพฯตามขั้นตอน
อาการของน้องน้ำตาล คุณหมอได้ผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดที่ฝังออกจากท้ายทอยด้านหลังออกมาได้ แรงกระแทกของระเบิดมีผลต่อปอดและระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายทำงานได้ยังไม่ปกติ ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอด ตอนนี้น้องน้ำตาล รู้สึกตัวดีรับรู้ทุกอย่างได้ แต่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวแขนขาได้ ครอบครัวได้แต่รอความหวังรอปาฏิหาริย์หวังว่าน้องน้ำตาลจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ
ป้ายังเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังต่อว่า น้องน้ำตาลเป็นเด็กนิสัยดี เรียนหนังสือเก่ง หลังจากที่จบ ม. 6 จากโรงเรียนเบญจะมะหาราช จังหวัดอุบลราชธานี น้องน้ำตาล ได้ไปสอบถึง 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ติดแพทย์ที่มหาวิทยาลัยอุบล แต่น้องสละสิทธิเพราะอยากไปเรียนแพทย์ที่ ม.ขอนแก่น น้องจึงไปสอบที่ครั้งที่ 2 สอบติดเภสัชศาสตร์แต่สละสิทธิและสอบครั้งที่ 3 สอบติด คณะเภสัชศาสตร์ที่ ม.สยาม น้องจึงตัดสินใจที่จะเรียนต่อที่ ม.สยาม น้องจะเปิดเรียนวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาจากวันที่เกิดเหตุเหลือเพียงแค่ 8 วัน มาเกิดเหตุเสียก่อน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ดับฝันของ น้องน้ำตาล และครอบครัว เพราะน้องมีความฝันอยากจะทำงานในสายสาธารณะสุข เป็นแพทย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน เป็นอาชีพที่ครอบครัวได้ปลูกฝัง น้องน้ำตาล มาตั้งแต่เด็ก และเป็นความหวังของครอบครัวที่พ่อแม่และน้องๆจะต้องฝากอนาคตไว้ น้องน้ำตาล มีพี่น้อง 3 คน น้องน้ำตาลเป็นพี่สาวคนโต น้องคนที่ 2 เป็นเด็กพิเศษ แต่เรียนเก่งมาก ส่วนคนเล็ก อายุ 3 ขวบ
ทั้งนี้ส่วนการช่วยเหลือเยียวยามีทางหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาในทุกๆภาคส่วนมีทั้งสิ่งของและเงินบริจาค ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาลทางครอบครัว อยากได้แพทย์ผู้ที่เชี่ยววชาญและเก่งๆเข้ามารักษาน้อง อยากให้น้องหายเป็นปกติ เพื่อที่จะเดินตามความฝันในอนาคตของน้องน้ำตาลต่อไป