ซานาเอะ ทาคาอิจิ หัวหน้าพรรค LDP ชนะการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ
วันนี้ (21 ต.ค.) สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของญี่ปุ่น มีการลงมติเลือกผู้ดำรงตำแน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต่อจากนายชิเงรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) ซึ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า นางซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือพรรค LDP ชนะนายโยชิฮิโกะ โนดะ (Yoshihiko Noda) หัวพรรค CDP ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด ด้วยคะแนน 237 เสียง จากเสียงทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎร 465 เสียง และได้เสียงจากการลงคะแนนของวุฒิสภา 125 เสียง กลายเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น
นางซานาเอะ ทาคาอิจิ อายุ 64 ปี เป็นแกนนำกลุ่มอนุรักษ์นิยมในพรรค LDP มี "หญิงเหล็ก" มากาเร็ต แธ็ตเชอร์ ของอังกฤษ เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานการเมือง และเป็นทายาททางการเมืองของนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมุ่งเน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
หลังจากทราบผลการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ชาวญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว ยอมรับว่า ดีใจที่ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะนางซานาเอะ ทาคาอิจิ คือผู้ที่ชาวญี่ปุ่นคาดหวังว่าจะนำสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกลับคืนสู่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาแรงงานต่างชาติ เปรียบเสมือนการสูดลมหายใจแห่งความสดชื่น แต่ผู้หญิงบางส่วนก็ไม่มีความมั่นใจว่านางซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม จะส่งเสริมสิทธิสตรีหรือไม่ เพราะมองว่าเธอค่อนข้างมีแนวคิดสืบทอดระบบชายเป็นใหญ่
ก่อนหน้านี้ หนทางก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของนางซานาเอะ ทาคาอิจิ เริ่มมีปัญหา เมื่อพรรคโคเมโตะ พรรคพันธมิตรร่วมรัฐบาลเดิมขอถอนตัวจากการสนับสนุนพรรค LDP โดยอ้างว่าไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจเรื่องการรับมือกับปัญหาทุจริตเงินทุนพรรค LDP ที่ส่งผลให้ภาพลักษณ์รัฐบาลตกต่ำในช่วงหลัง ๆ แต่เธอไปเจรจากับพรรคนวัตกรรมญี่ปุ่น หรือพรรคอิชิน เพื่อดึงพรรคของเขามาเข้าร่วมรัฐบาลแทน จนได้รับเสียงสนับสนุนในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้มากพอ