ระทึก! ตร.ทางหลวงไล่ล่ารถอเนกประสงค์ ซุก 15 แรงงานเถื่อน ก่อนแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้า คนขับกระโดดหนีเข้าป่าไปได้ ทิ้งแรงงานถูกจับ
(22 ต.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค.68 พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล สั่งการให้นำรถตรวจการออกลาดตระเวนไปตามเส้นทางรับผิดชอบเพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานเถื่อนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย
ต่อมาเวลา 18.30 น. ขณะออกตรวจบริเวณหน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงไทรโยค พบรถอเนกประสงค์ สีดำ กาญจนบุรี ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านท้าย มีลักษณะบรรทุกสิ่งของหนักผิดปกติ ขับมาจากทางด้านอำเภอทองผาภูมิไปตามถนนทางหลวงสาย 323 มุ่งหน้าตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี เมื่อผิดสังเกตเจ้าหน้าที่จึงขับรถตรวจการณ์ติดตามไปพร้อมพยายามส่งสัญญาณเรียกและไฟส่องสว่างให้คนขับหยุดรถ แต่ปรากฎคนขับไม่ยอม พร้อมกับเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงบริเวณแยกบ้านเก่าคนขับได้เลี้ยวขวามุ่งหน้าไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 3229 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ติดตามไปอย่างกระชั้น พร้อมประสานไปยัง พ.ต.อ.สุรยุทธ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี เพื่อขอกำลังช่วยสกัดจับ เมื่อไปถึงท้องที่หมู่ 7 บ้านพุประดู่ ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร คนขับได้เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนภายในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อถึงบริเวณทางโค้งรถคันดังกล่าวเกิดเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูงริมทางอย่างแรงจนเสาไฟฟ้าหักโค่น โชคที่สายไฟยังยึดเอาไว้ไม่เช่นนั้นคงล้มขวางเส้นทางการจราจรอย่างแน่นอน
หลังจากเกิดอุบัติเหตุภาพที่เห็นจากคลิปพบคนขับได้รีบเปิดประตูแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าท่ามกลางความมืดอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่พยายามไล่ติดตามแต่ไม่ทัน ส่วนแรงงานที่โดยสารมากับรถได้พยายามวิ่งหลบหนีเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ทั้งหมด จำนวน 15 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 8 คน โดย 1 ใน 15 คน มีหญิงสาวชาวลาว 1 คน และหลังจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์สำนักงานใหญ่ได้รับแจ้งการเกิดอุบัติเหตุ จึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปช่วยปฐมพยาบาล แต่ปรากฏว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำตัวกลุ่มแรงงานทั้ง 15 คน มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมกับประสานไปยังเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกาญจนบุรี ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเสาไฟฟ้าที่ถูกชนได้รับความเสียหายเพื่อตีมูลค่าทรัพย์สินของทางราชการ จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายรถยนต์คันดังกล่าวมาเก็บไว้ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ในภายหลัง
จากการตรวจสอบเอกสารปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้ง 15 ราย ไม่มีเอกสารมาแสดงอีกทั้งไม่สามารถสื่อสารหรือพูดภาษาไทยได้ จึงต้องสอบปากคำผ่านล่ามแปล ทราบว่าทั้งหมดเป็นชาวย่างกุ้งและจังหวัดมันดาเลย์ ประเทศเมียนมา หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดนด้านอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา จากนั้นมาขึ้นรถยนต์ที่จอดรอในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี โดยคนขับใช้ถนนสาย 323 ขับผ่าน อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค เพื่อมุ่งหน้าไปยังอำเภอเมืองกาญจนบุรี เมื่อไปถึงจะมีนายหน้ามารับกระจายไปทำงานตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชั้นใน โดยต้องจ่ายเงินให้กับนายหน้าคนจัดหางานคนละ 15,000-25,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง ระหว่างเดินทางก็มาถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนคนขับอาศัยความืดหลบหนีไปได้ ส่วนพวกตนไม่รู้จะหนีไปทิศทางไหนเพราะไม่รู้เส้นทางจึงยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
หลังจากผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าผู้ครอบครองนั้นเป็นใคร จากนั้นจะได้เรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนในภายหลัง