Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 22 ต.ค.68
1.เกาหลีใต้ล่าตัวผู้ต้องสงสัยเอี่ยว นศ.ดับในกัมพูชา
สำนักข่าวยอนฮับ (Yonhap) ของเกาหลีใต้ รายงานว่า วันนี้ (22 ต.ค.) หน่วยข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ หรือ NIS (National Intelligence Service) แจ้งต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองรัฐสภาว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตามล่าติดตามตัวผู้ต้องสงสัยรายสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทรมานนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ที่หลอกลวงไปทำงาน จนเสียชีวิตในกัมพูชา โดยทราบว่าผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับหัวหน้าแก๊งอาชญากรที่อยู่เบื้องหลังคดียาเสพติดรายใหญ่ในเขตกังนัม กรุงโซล เมื่อปี 2566 โดย NIS ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนักศึกษาเป็นครั้งแรก 3 วันหลังเกิดเหตุ และสามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ภายใน 8 วัน
นอกจากนี้ NIS ประเมินว่ามีชาวเกาหลีใต้ประมาณ 1,000 - 2,000 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา พร้อมชี้ว่าเกาหลีใต้จำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่มเป็น "ผู้ก่อเหตุ" มากกว่า "เหยื่อ"
ขณะเดียวกัน วันนี้ ศาลกลางกรุงโซล (Seoul Central District Court) มีคำสั่งตัดสินจำคุก 10 ปี กับชายนามสกุลชิน (Shin) อายุประมาณ 20 ปี ฐานข่มขู่ให้คนรู้จักของเขา ซึ่งมีนามสกุลพัก และคิม ให้ส่งตัวเหยื่อรายอื่นไปให้กับแก๊งอาชญากรในกัมพูชา หลังพวกเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับแก๊งสแกมเมอร์ โดยนายชิน กับพวก หลอกให้เหยื่อขึ้นเครื่องบินไปยังกัมพูชาโดยสัญญาว่าจะยกเลิกหนี้ให้ หากเขาสามารถนำสัญญาโปรแกรมการท่องเที่ยวที่พวกตนกำลังวางแผนในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับมาให้
แต่เมื่อเหยื่อเดินทางไปถึงกัมพูชา กลับถูกพาตัวไปและถูกคุมขัง พร้อมถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือถือ และบัญชีธนาคารของเหยื่อถูกนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรม นอกจากนี้ นายชินและพวกยังเรียกเงินค่าไถ่จากพ่อแม่ของเหยื่อเพื่อแลกกับการปล่อยตัว กระทั่งในที่สุดเหยื่อได้รับการช่วยเหลือ จากสถานทูตเกาหลีใต้ ประจำกรุงพนมเปญ
2.เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธ ก่อนประชุม APEC
กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่า วันนี้ (22 ต.ค.) เกาหลีเหนือได้ทดสอบการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้หลายลูกไปยังทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ถือเป็นการทดสอบการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลครั้งแรกในรอบกว่า 5 เดือน นับตั้งแต่มีการทดสอบการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลหลายลูกจากชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามของสหรัฐฯ และนานาชาติที่ต้องการจำกัดโครงการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
การทดสอบการยิงขีปนาวุธครั้งนี้ มีขึ้นก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดเอเปก (APEC) ที่เกาหลีใต้ ในสัปดาห์หน้า
3.“ทรัมป์” รับพบ “ปูติน” ตอนนี้ เสียเวลาเปล่า
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ชี้แจงสาเหตุที่ทำให้มีการยกเลิกนัดหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ ของฮังการี ซึ่งเปิดเผยตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าเป็นเพราะเขาไม่อยากเสียเวลาเปล่า เนื่องจากสหรัฐฯ ได้ยื่นข้อเสนอหยุดยิงที่เป็นรูปธรรมให้ 2 ฝ่ายพิจารณาแล้ว คงต้องรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
“ทรัมป์” ยังเชื่อว่าข้อตกลงหยุดยิงรัสเซีย-ยูเครน ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะทั้ง 2 ประเทศสูญเสียทหารสัปดาห์ละ 5,000 - 7,000 คน อย่างไรก็ตาม การสู้รบครั้งนี้ไม่ได้กระทบสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งทหารไปช่วยรบ แค่ขายอาวุธให้องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เพื่อส่งต่อให้ยูเครน ไม่เหมือนยุคอดีตประธานาธิบดีโจ โบเดน ที่สูญเงินช่วยรบกว่า 11.5 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้ต้องยกเลิกการพบกันระหว่าง 2 ผู้นำชาติมหาอำนาจ เป็นเพราะรัสเซียไม่ยอมรับเงื่อนไขในข้อเสนอหยุดยิง และไม่พอใจที่สหรัฐฯ จะขายขีปนาวุธ "โทมาฮอว์ก" ให้กับนาโต เพื่อส่งต่อให้ยูเครน
4.เปิดตัว ครม. ของนายกฯ หญิงคนแรกของญี่ปุ่น
นายซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือพรรค LDP ที่เพิ่งได้รับการลงมติให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น สร้างความฮือฮาในแวดวงโซเชียลมีเดียญี่ปุ่นหลังการเปิดตัวคณะรัฐมนตรี ซึ่งนอกจากเธอจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นแล้ว ยังมีนางซาซึกิ คาตายามะ (Satsuki Katayama) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหญิงคนแรก ซึ่งถือเป็นความท้าทายเพราะเป้าหมายของรัฐบาลชุดนี้คือการทำให้เศรษฐกิจขยายตัว แต่ค่าครองชีพและราคาสินค้าต้องลดลง
ที่ฮือฮาที่สุดคือการตั้งนางคิมิ โอโนดะ (Kimi Onoda) นักการเมืองหญิงอายุ 42 ปี ซึ่งเป็นรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดของ ครม. ชุดนี้ เพื่อดูแลกระทรวงเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เข้ามากำกับดูแลเรื่องชาวต่างชาติและผู้ลี้ภัย จนทำให้มีกระแสข่าวลือว่าอาจเกิดการเนรเทศชาวต่างชาติครั้งใหญ่เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ
5.พิพิธภัณฑ์ “ลูฟวร์” กลับมาเปิดให้บริการแล้ว หลังเหตุโจรกรรม
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ในกรุงปารีส ของฝรั่งเศส กลับมาเปิดให้บริการตามปกติ หลังจากปิดให้บริการไป 2 วัน จากกรณีที่เกิดเหตุแก๊งคนร้ายก่อเหตุโจรกรรมเครื่องประดับอัญมณีชุดจักพรรดินโปเลียนและจักรพรรดินี ในช่วงกลางวันเสก ๆ เมื่อวันอาทิคย์ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้ทางการฝรั่งเศสยังคงระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนกว่า 100 นาย เร่งติดตามไล่ล่าแก๊งคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุทั้ง 4 คน และติดตามเครื่องประดับที่ถูกโจรกรรมไปกลับคืนมา
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า โอกาสได้เครื่องประดับรวมมูลค่าราว 88 ล้านยูโร หรือกว่า 3,300 ล้านบาท กลับคืนมา เหลือน้อยเต็มที เพราะเมื่อผ่านวันสองวันแรกไปแล้ว โอกาสที่เครื่องประดับทั้ง 8 ชิ้น จะถูกแยกส่วน เพื่อนำไปขายในต่างประเทศมีสูงมาก
