สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดสุวรรณดาราราม และวัดนิเวศธรรมประวัติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

View icon 224
วันที่ 22 ต.ค. 2568 | 20.02 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
เวลา 14.59 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดสุวรรณดาราราม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดแรก

วัดสุวรรณดาราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 เดิมชื่อ "วัดทอง" ซึ่งสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสร้างขึ้นใกล้กับบริเวณนิวาสสถานเดิม ต่อมาเมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดทองทั้งอาราม จึงถือเป็นพระอารามแห่งราชวงศ์จักรี

ลักษณะสถาปัตยกรรม มีพระอุโบสถเป็นอาคารประธานมาแต่แรกเริ่มสร้างวัด ลักษณะแอ่นโค้งทรงท้องสำเภา ตามแบบศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ต่อมา ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดอย่างต่อเนื่อง อาทิ ภาพจิตรกรรมลายเทพพนมลอยอยู่ในวิมาน มีขนาดลดหลั่นกันตามระยะใกล้-ไกล ตามลักษณะของทัศนียภาพแบบตะวันตก และภาพจิตรกรรมเรื่องราวของมหาเวสสันดรชาดกและสุวรรณสามชาดก บนผนังพระอุโบสถ โดยในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแต่ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ ต่อมาในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามว่า "พระพุทธสุวรรณวชิโรภาส ทศมินทราธิราชบพิตร" มีความหมายว่า พระพุทธปฏิมากร ทรงรัศมีแห่งทองและเพชรอันพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ทรงบูชา ส่วนด้านหน้าพระอุโบสถ มีแท่นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นแท่นฐานบัวคว่ำและบัวหงายประดิษฐานต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ทรงนำมาจากพุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย

จากนั้น เสด็จไปยังพระวิหาร ทรงวางพวงมาลัยและทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชา พระพุทธวชิรญาณบพิตร ภายในพระวิหารยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามเป็นภาพเขียนสีน้ำมันแสดงพระราชประวัติ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนสวรรคต รวม 19 ตอน วาดโดยพระยาอนุศาสน์จิตรกร จิตรกรเอกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบัน วัดสุวรรณดาราราม มีพระเมธีวชิรธาดา (เวชยันต์ เวชยนฺโต) เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ จำนวน 14 รูป

เวลา 16.36 น. เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2568 ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ อำเภอบางปะอิน เป็นวัดที่ 2 ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้นเมื่อปี 2419 เลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง โดยใช้ศิลปะแบบโกธิค (Gothic) โดยเฉพาะพระอุโบสถ ที่เป็นอาคารมีโดมหอคอยปลายแหลมตามอย่างวิหารในสถาปัตยกรรมตะวันตก บริเวณยอดโดมมีหอนาฬิกาและระฆังชุด เหนือขึ้นไปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระราชวังบางปะอิน โดยก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2421

ภายในพระอุโบสถ มีเพดานและช่องหน้าต่างสูง มีซุ้มยอดแหลมเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธนฤมลธรรโมภาส" พระประธาน ขนาดหน้าตักกว้าง 22.5 นิ้ว สูง 36.5 นิ้ว ซึ่งเป็นพระปฏิมากรประทับนั่งขัดสมาธิเพชร ออกแบบโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ใช้การผสมผสานศิลปะแบบประเพณีนิยมกับศิลปะแบบตะวันตกเข้าด้วยกัน รวมทั้ง พระอรหันต์สาวก คือ พระโมคคัลลานะอยู่ทางซ้าย และพระสารีบุตรอยู่ทางขวา เบื้องหน้าเป็นที่ประดิษฐานพระนิรันตราย บานประตูหน้าต่างประดับด้วยกระจกสลับสี ที่ผนังอุโบสถทั้งสองข้างประตูทางเข้ามีจารึกประวัติการสร้างวัดและพระพุทธปฏิมากร เหนือประตูพระอุโบสถ มีพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องต้นทำด้วยกระจกสีงดงาม ปัจจุบัน มีพระราชวชิรสารสุธี เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ 17 รูป สามเณร 138 รูป

จากนั้น เสด็จไปยังมณฑลพิธีถวายผ้าป่าหน้าพระอุโบสถ เพื่อนำปัจจัยไปทำนุบำรุงพระอาราม โอกาสนี้ ทรงรับผ้าไตร แล้วทรงพาดผ้าไตรระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ ทรงกล่าวคำถวายผ้าป่า ทรงวางผ้าไตรที่พานแว่นฟ้า เมื่อเจ้าอาวาสวัดนิเวศธรรมประวัติพิจารณาผ้าป่าแล้ว เสด็จไปทรงปลูกต้นพะยอม ทั้งนี้ วัดนิเวศธรรมประวัติ ยังมีเทวรูปปัญจสิงขรและเทวรูปพระอินทร์ ประดิษฐานอยู่ที่ซุ้มแบบโกธิกติดกับประตูทางเข้าพระอุโบสถ , หอพระไตรปิฎก อาคารทรงจัตุรมุขสองชั้น หอเก็บพระคัมภีร์ , พระตำหนักสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งได้ทรงผนวชและจำพรรษา ณ วัดแห่งนี้ เมื่อปี 2426 และพระขอฝน ปางทรงยืน พระหัตถ์ขวายกขึ้นแสดงอาการกวักทำนองขอฝน พระหัตถ์ซ้ายทรงยกขึ้นเสมอสะเอวดูราวคล้ายกับรองรับน้ำฝน เล่ากันว่าพระปางนี้ แรกสร้างในเมืองคันธาระ ประเทศอินเดีย ราวปี 400 จึงเรียกพระนามอีกอย่างว่า พระคันธาระ หรือพระคันธารราษฎร์

ข่าวอื่นในหมวด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง