บึ้มสนั่น ! หนุ่มปีนเสาไฟฟ้าขโมยตัดสายไฟ พลาดถูกไฟช็อต ร่วงตกกระแทกพื้นนอนทับสายไฟถูกช็อตคาสายไฟ บาดเจ็บสาหัส บริเวณที่เกิดเหตุพบคีมตัดสายไฟ 1 อัน
วันนี้ (23 ต.ค. 68) เมื่อเวลา 00.30 น. ที่ผ่านมา ทางศูนย์กู้ชีพปราการได้รับแจ้งเหตุพบคนถูกไฟฟ้าช็อตติดคาสายไฟฟ้าอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 80 อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จึงประสานอาสากู้ภัยป่อเต็กตึ๊งและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลสำโรงเหนือ เดินทางไปตรวจสอบ
ณ ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ไม่ทราบชื่อ อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าทับสายไฟฟ้าที่ถูกตัดขาดจากเสาไฟฟ้าอยู่บนพื้น โดยผู้บาดเจ็บมีบาดแผลจากการถูกไฟไหม้ทั่วร่างกายและอาการสาหัส ทางเจ้าหน้าที่จึงประสานรถพยาบาลจากโรงพยาบาลสมุทรปราการมาให้ความช่วยเหลือ และที่ยอดเสาไฟฟ้ามีเพลิงลุกไหม้สายไฟฟ้า ทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้สารเคมีทำการดับไฟบนเสาไฟฟ้าและตัวของผู้บาดเจ็บเพื่อช่วยเหลือ ก่อนนำตัวคนเจ็บออกมายังจุดปลอดภัยและทำการปฐมพยาบาล ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ
จากการตรวจสอบกล้องวงจปิดใกล้เคียงก็พบว่า คนเจ็บปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าและได้ไปตัดสายไฟฟ้าจนเกิดการช็อตและระเบิดเสียงดังสนั่นเกิดประกายไฟไปทั่วพื้นถนน
จากการสอบถาม นายเต๊ะ ไรเดอร์ที่ขี่รถผ่านจังหวะที่เกิดการระเบิดขึ้นพอดี เล่าว่า ขณะที่ตนขี่รถผ่านก็เห็นสะเก็ดไฟ คิดว่าเป็นหม้อแปลงระเบิด แต่เมื่อดูกลับพบว่าเป็นสายไฟช็อตแล้วระเบิด และเห็นคนนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น
ส่วน นายวิทยา คนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุดังกล่าว ตนเห็นคน 2 คน นั่งอยู่บริเวณนี้ก็คิดว่าจะมาขโมยอะไหล่รถจักรยานยนต์ เพราะนั่งแบบมีพิรุธมาก แต่เมื่อคนดูแล้วก็เห็นนั่งกันนิ่ง ๆ จึงไม่ได้สนใจอะไร หลังจากนั้นตนกลับไปเอารถจักรยานยนต์เก็บ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดัง ตนคิดว่าเป็นหม้อแปลงระเบิดเช่นกัน แต่เมื่อเดินไปดูก็เห็นเพลิงลุกไหม้ตามสายไฟฟ้า หลังจากนั้นก็เห็นมีคนนอนอยู่บนพื้นใกล้เสาไฟฟ้าในลักษณะนอนคว่ำหน้าและทับสายไฟฟ้าอยู่ แต่คนเจ็บก็ค่อย ๆ ขยับตัว ตอนนั้นไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะกลัวจะโดนไฟฟ้าช็อตไปด้วย
เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบคีมตัดสายไฟตกอยู่ 1 อัน จึงคาดว่าเป็นคีมที่ผู้บาดเจ็บใช้ก่อเหตุตัดสายไฟฟ้าบนเสาไฟฟ้าจนถูกไฟฟ้าช็อตตกลงมาที่พื้นด้านล่างดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง
