เมื่อเวลา 18.00 น. วานนี้ (22 ต.ค. 68) ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจาก นายณัฐพงษ์ อายุ 30 ปี เจ้าของร้านหม่าล่าทั่ง ที่ ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี ว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 68 เวลา 11.40 น. ถูกนายทศพร อายุ 31ปี อาชีพไรเดอร์ ซึ่งเป็นแฟนของ น.ส.น้อย (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ลูกจ้างที่ร้าน เกิดอาการคลุ้มคลั่ง หลังทะเลาะกับ น.ส.น้อย เรื่องขอยืมเงิน 50 บาท ได้ด่ากราดชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ด่าร้านค้า ก่อนจะพาลหยิบหินมาปาใส่หัว นายณัฐพงษ์ จนได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก แล้วขี่รถจักรยานยนต์หนีไป พร้อมโทรมาข่มขู่ทางร้านและแฟนสาวว่า จะยกพวกเข้ามารุมทำร้าย จะสาดน้ำกรดใส่หน้าให้เสียโฉม ซึ่งหลังจากเกิดเหตุนายณัฐพงษ์ ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนนทบุรี
นายณัฐพงษ์ เล่าว่า วันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาโวยวาย ขี่รถวนเวียนด่าคนแถวนี้ไม่หยุด ตนได้เข้ามาที่ร้านตอนเวลา 11.30 น. ตนบอกนายทศพร ว่า ให้จอดรถแล้วลงมาคุยกัน แต่นายทศพร ไม่ยอมลง แถมยังด่าตนหยาบคายทั้ง "ลูกกะ*** , พ่อ*** ,แอ็กเหรอ , ตัว ๆ กันไหม" พร้อมทำท่ายึกยักเหมือนจะควักอาวุธออกมาจากเอว ก่อนจะขับรถไปจอดข้างเสาไฟหยิบก้อนอิฐมาปาใส่ตน ในจังหวะที่ตนกำลังคุยโทรศัพท์ทีเผลอ เข้าที่บริเวณศีรษะด้านหลังจนเลือดไหล
ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตแฟนของพนักงานที่ร้าน สาเหตุเกิดจากเงินแค่ 50 บาท ที่ทางพนักงานของร้านได้โทรไปยืมเงินทางผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ตอบกลับ เลยพิมพ์ไปบอกว่า "ไม่เอาแล้ว" ทำให้ผู้ก่อเหตุโมโห รีบขับมาที่ร้านมาถามว่าจะมายืมทำไม 50 บาท และด่าทอทะเลาะตามประสาผัวเมีย แฟนของตนเลยบอกให้เข้ามาดูหน่อยมีคนมาโวยวายที่ร้าน พอตนมาถึงก็ปรี่้เข้ามาจะทำร้าย ก่อนที่มาถึงชาวบ้านแถวนี้ที่เป็นผู้หญิงก็โดนด่า ทำท่าจะควักอาวุธที่เอว อาการเหมือนคนเสพยาแล้วดีด พูดอะไรไม่ฟัง เหมือนจงใจมาหาเรื่อง
ปกติผู้ก่อเหตุจะมาแค่มารับแฟนที่ทำงาน ไม่เคยเข้ามาที่ร้าน ตอนนี้ทางตำรวจได้เรียกตนไปสอบปากคำแล้ว และจะออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุ ถ้าไม่มาจะออกหมายเรียกรอบสอง หลังจากนั้นจะเป็นหมายจับ ตนได้สอบถามน.ส.น้อย พนักงานที่เป็นแฟนของผู้ก่อเหตุบอกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบทำร้ายร่างกาย ตนจึงยื่นคำขาดกับ น.ส.น้อย ว่า ระหว่างแฟนกับงานจะเลือกอะไร น.ส.น้อย เลือกที่จะทำงานที่นี่ และได้เลิกลากับผู้ก่อเหตุ แต่ตอนนี้ตนยังกังวลว่าจะกลับมาก่อเหตุซ้ำ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามตัวนายทศพร มาลงโทษให้ได้ เพราะตอนนี้คนที่ร้านหวาดระแวงไม่รู้ว่าจะกลับมาก่อเหตุอีกตอนไหน กลัวมาตอนที่มีคนอยู่ร้านคนเดียวเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงกว่านี้ อีกอย่างคอนโดของตนอยู่ซอยเดียวกับผู้ก่อเหตุ โดนขู่ว่าอย่าให้เจอในซอย ถ้าเจอจะเล่นงานตน มีการท้าทาย มึงตามกูมาเลย กูอยู่ในซอยเรวดี ลูกพี่กูชื่อเบิร์ด อะไรสักอย่าง แต่ตนไม่รู้จัก
ส่วนทางด้าน น.ส.น้อย แฟนผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ต้นเหตุเกิดจากการที่ตนไปยืมเงินกับทางผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นแฟนของตนจำนวน 50 บาท แต่ทางแฟนไม่อ่านไลน์ ก็เลยโทรไปอีกสายหนึ่ง สักพักแฟนก็โทรกลับมาด่า ตนได้ด่ากลับและถามว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องด่ากันด้วย หพอายไปสักพักหนึ่งแฟนขับรถมาด่าที่ร้านและควักเงินให้ แต่ตนบอกไม่เอา ได้เบิกเงินจากทางร้านแล้ว แฟนเลยอาละวาดและหาว่าตนไปปากดีใส่ มีการโต้ตอบด่ากัน สักพักใหญ่ ๆ แฟนตนบอกรอนายจ้างมาก่อน ตนจึงบอกว่า ทำไมต้องไปพาลคนอื่น ทะเลาะกันแค่ 2 คน แต่เขาก็ไม่ยอม และยังบอกว่านายจ้างชอบมองหน้าตอนไปรับตนที่ร้าน และพูดว่านายจ้างข้องใจอะไรไหม
ตนคบกับแฟนมาเข้าปีที่ 4 แล้ว เป็นคนใจร้อน โมโหง่ายเหมือนเป็นไบโพล่า หลังจากเกิดเหตุก็ไม่ได้กลับไปเจอหน้าเลย เพราะกลัวโดนทำร้าย พฤติกรรมเขาชอบทำร้ายมาตั้งแต่ตอนคบกันใหม่ ๆ แล้ว ชอบทุบตี เตะต่อย หลายรอบ เลิกกันไปหลายครั้งแต่ก็กลับมาคบกันเพราะมาง้อ ตนใจอ่อน มีการข่มขู่ว่าระวังตัวไว้เดี๋ยวจะกลับมาอีก จะเอาน้ำกรดหรือโซดามาปาใส่ ตอนนี้รู้สึกกังวลมาก ปกติทำของต้องทำหน้าร้าน แต่ตอนนี้ต้องเข้ามาทำในร้าน ถ้าไม่มีคนอยู่ข้างนอกก็จะไม่ออกไป อยากให้แฟนของตนได้รับกรรมที่ทำไว้ ขอให้จบกันแค่นี้พอ ไม่อยากพูดถึงแล้ว ตอนอยู่กับตนไม่มีพฤติกรรมเสพยา แต่หลังจากนั้นไม่รู้ เขาทำอาชีพเป็นไรเดอร์ ตอนนี้ตนได้หนีออกมาแล้ว วันก่อนจะไปเอาของก็ไม่เปิดประตูให้ ตนตัดสินใจทิ้งของทั้งหมด ตลอดระยะเวลาอยู่ด้วยกันตนต้องจ่ายค่าเช่าบ้านให้กับแฟนวันละ 100 บาท ทุกวัน ค่าใช้จ่ายทุกอย่างหารคนละครึ่ง ขนาดรถจักรยานยนต์พังตนยังต้องช่วยซ่อมหลังจากนี้ต่างคนต่างอยู่
