วันนี้ (24 ต.ค. 68) ร.ต.อ.สถาพร สวัสดี รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี และ ร.ต.ต.อภิชัย นิลสุวรรณ รอง หน.ตชต. สามพร้าว นำกำลังออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจาก นายสัญญา แย้มบุบผา สจ.อุดรธานี เขต 5 ว่ามีเหตุลูกชายคุ้มคลั่งอาละวาดุบทำลายข้าวของภายในบ้าน และทุบรถจยย. ของแม่ได้รับความเสียหาย
และเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ใช้ด้ามเสียมตีเข้าที่ต้นคอแม่ได้รับบาดเจ็บ เหตุขอเงินแม่ไปเติมเงินโทรศัพท์ และซื้อยาบ้ามาเสพไม่ได้ เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี จึงนำกำลังพร้อมไม้ง่ามเหล็กรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบนางน้อย (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี แม่ผู้ก่อเหตุ และเป็นเจ้าของบ้าน พร้อมด้วยหลานชายวัย 11 ขวบ นำตำรวจเข้าตรวจสอบที่บ้านหลังเล็กที่ปลูกอยู่ข้างประตูรั้วหน้าบ้าน ที่นายหนึ่ง อายุ 30 ปี ลูกชาย อาศัยอยู่กับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ภรรยา
โดยตำรวจได้เรียกให้นายหนึ่ง ออกมาจากบ้าน เพื่อนำตัวไปบำบัดรักษาอาการ แต่นายหนึ่ง ไม่ยอมออกมาจากบ้าน ยืนเอะอะโวยวายด่าทอตำรวจ พร้อมกับอ้างว่าไม่ได้ทำร้ายแม่ ไม่ได้ทุบทายข้าวของภายในบ้าน และไม่ได้ทุบรถจยย. พ่วงข้างของแม่แต่อย่างใด
ขณะเดียวกันก็มีเสียง น.ส.เอ (นามสมมุติ) ภรรยาของนายหนึ่ง ตะโกนเถียงตำรวจ และด่าทอแม่สามีอยู่ภายในบ้านเป็นระยะ ๆ
ส่วนผู้เป็นแม่ได้ยินลูกชายและลูกสะใภ้ไม่ยอมรับความจริง ทั้งที่หลักฐานชัดเจน รู้สึกเสียใจจนน้ำตาไหล อยากให้ตำรวจจับตัวลูกชายไปบำบัดรักษาหายจากการเสพยาบ้า และดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนลูกสะใภ้ผู้เป็นแม่อยากให้ตำรวจนำตัวออกจากบ้าน ไม่ให้อยู่ด้วยแล้ว
โดยทางเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที นายหนึ่งและ น.ส.เอ (นามสมมุติ) จึงยอมออกมาจากบ้านพัก และควบคุมตัวมาที่โรงพัก และทำการตรวจปัสสาวะนายหนึ่งพบมีผลเป็นบวก โดยนายหนึ่งอ้างว่า เสพครั้งล่าสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่ามา แต่หลักฐานชัดเจนว่าเพิ่งเสพยาบ้ามาไม่นาน
ส่วน น.ส.เอ ไม่ยอมให้ตำรวจตรวจ โดยอ้างว่ามาเป็นเพื่อนสามีเท่านั้น และไม่ได้ผิดอะไร เมื่อสามีโดนจับดำเนินคดีก็จะกลับไปอยู่บ้านของตนเอง ส่วนนายหนึ่ง สำนึกผิด ได้ยกมือไหว้ขอโทษแม่ในสิ่งที่ทำลงไปกับแม่ ซึ่งแม่ก็ให้อภัย แต่กฎหมายก็ว่ากันไปตามขั้นตอน
โดยนางน้อย ได้เล่าว่า ลูกชายติดเสพยาบ้ามานาน แต่ก็ไม่เคยทำแบบนี้กับแม่ เริ่มตั้งแต่วันเข้าพรรษา ก็ขโมยไห ปิ่นโต และข้าวของภายในบ้านไปขายที่ร้านค้าของเก่าริมทาง ทางเจ้าหน้าที่ตร. และ ท่าน สจ.สัญญาฯ ก็ไปตามของกลับคืนมาให้ แถมยังซ่อมรถจยย. พ่วงข้างให้ตนด้วย หลังจากนายจ้างลูกชายทราบข่าว ก็ให้ลูกชายออกจากงาน ทำให้เขามีความเครียด ประกอบกับติดเสพยาบ้าด้วย
กระทั่งเช้าวันนี้ตนได้หุงหาอาหารให้ลูกชาย และลูกสะใภ้รวมทั้งหลานชายกินเสร็จ ลูกชายก็มาขอเงินไปเติมเงินโทรศัพท์ ตนไม่มีให้ก็ทุบทำลายข้าวของภายในบ้าน และทุบรถจยย. พ่วงข้างของตนพังเสียหาย ตนจึงรีบขี่รถจยย. หนีตายออกมาพร้อมกับหลานชาย แล้วโทรแจ้ง สจ.สัญญาฯ ให้ช่วยแจ้งตำรวจมาจับตัวลูกชาย และลูกสะใภ้ออกจากบ้านไปที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตร. ได้แจ้งข้อกล่าวหานายหนึ่งว่า “ประพฤติตนวุ่นวาย , ทำให้เสียทรัพย์ , เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่วนข้อหาทำร้ายบุพการี ให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนปากคำเพิ่มเติมทั้งแม่และลูกชาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป