ทหารเมียนมาสั่งกะเหรี่ยงบีจีเอฟ. ระเบิดทำลายอาคารที่ตั้งแก๊งสแกมเมอร์เคเคปาร์ค คาดต้องการทำลายข้อมูลสำคัญการประกอบกิจการภายในโครงการฯ ทำให้บ้านคนไทยโดนลูกหลง ฝ่ายไทยแจ้ง บีจีเอฟ ขอให้ระมัดระวังหลังกระทบมาถึงฝั่งตรงข้าม
เมื่อเวลา 19.00 น. วานนี้ (25 ต.ค. 68) กองกำลังทหารพิทักษ์ชายแดน หรือ บีจีเอฟ. กะเหรี่ยงอาสาของทหารเมียนมา บก.ควบคุมพื้นที่ 2 บริเวณพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน หรือ เคเคปาร์ค ซึ่งเป็นพื้นที่สแกมเมอร์ ออนไลน์ของแก๊งคอลเซนเตอร์ บ้านเอ่งจีเมี่ยง อ.เมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง หมู่ที่ 9 ตำบลแม่กุ อ.แม่สอด จังหวัดตาก
ปฏิบัติการระเบิดทำลายอาคารสถานที่ดำเนินการเกี่ยวกับสแกมเมอร์ เป็นวันที่ 3 โดยเริ่มระเบิดมาตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.68 ทั้งนี้จุดระเบิดห่างจากแนวชายแดนไทย เมียนมา ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทยแจ้งว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีเศษวัสดุก่อสร้าง (เศษปูน) ลอยข้ามมาตกใส่หลังคาบ้านพักของนายพันธ์ วงษ์แวว หมู่ที่ 9 บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
หลังจากเกิดเหตุ หน่วยเฉพาะกิจทหารราชมนู อ.แม่สอด กองกำลังนเรศวร ได้ตรวจสอบ และจัดกำลังพลไปพบปะพัฒนาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับราษฎรในพื้นที่ รวมถึงการประสานความช่วยเหลือจากหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีการประสานกับกองกำลัง บีจีเอฟ.ให้ระมัดระวังการปฏิบัติทำลาย อาคาร สำนักงาน วัสดุอุปกรณ์ภายในพื้นที่โครงการฯ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อราษฎรไทยในพื้นที่ตรงกันข้าม นอกจากนี้ได้จัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และผู้นำหมู่บ้าน ในการลาดตระเวนเคลื่อนไหว/เฝ้าตรวจฯ บริเวณพื้นที่ตามแนวชายแดน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับราษฎรในพื้นที่ตามแนวชายแดน
เจ้าหน้าที่ไทยเปิดเผยว่า การระเบิดทำลายอาคารครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 และก่อนหน้านี้ 2 ครั้งได้เกิดเสียงดังระเบิดมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งมีเสียงดังสนั่นก้องมาจนถึงฝั่งไทย ส่วนการทำลายอาคาร สำนักงานนั้น คาดว่าเพื่อต้องการทำลายหลักฐาน/ข้อมูลสำคัญ ในการประกอบกิจการภายในโครงการฯ เนื่องจากจะมีผู้นำจากหน่วยของทางการเมียนมาจะเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่โครงการ
สำหรับบุคคลต่างชาติที่ทำงานในพื้นที่เคเคปาร์ค ล่าสุด ณ วันที่ 25 ต.ค.68 ทั้งหมด 1,243 คน สัญชาติอินเดีย จำนวน 448 คน จีน 183 คน เวียดนาม 135 คน เอธิโอเปีย 112 คน และบุคคลสัญชาติอื่นๆ ทั้งหมดรวมทั้งบุคคลสัญชาติไทยที่หนีมาจากฝั่งเมียนมาด้วย จำนวน 28 สัญชาติ