ชาวกัมพูชาต่างรู้สึกดีใจกับลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่าง ไทย-กัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แต่บางส่วนยังกังวลว่า เป็นเพียงการเอาใจ “โดนัลด์ ทรัมป์” และขอฝ่ายไทยแสดงความจริงใจปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย
วันนี้ (27 ต.ค. 68) หลังการลงนามข้อตกลงสันติภาพ ไทย-กัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวานนี้ (26 ต.ค 68) โดยมีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กับนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน
ทางชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ต่างรู้สึกยินดีที่ทั้งสองฝ่ายจะยุติความขัดแย้งที่ยาวนานมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และฟื้นความสัมพันธ์กลับคืนสู่ภาวะปกติ เพราะเชื่อว่าการลงนามข้อตกลงสันติภาพครั้งนี้จะส่งผลดีต่อทั้งสองประเทศมากกว่า และเนื่องจากเป็นการลงนามที่โปร่งใส โดยมีหลายชาติเป็นสักขีพยาน จึงสามารถติดตามตรวจสอบได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามประเด็นที่ตกลงกันไว้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ชาวกัมพูชาบางส่วนก็ยังกังวลและเกรงว่า การลงนามข้อตกลงสันติภาพดังกล่าว จะเป็นเพียงการลงนามเพื่อเอาใจ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จากนั้นก็จะมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง อย่างน้อยฝ่ายไทยควรแสดงความจริงใจด้วยการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่ฝ่ายไทยถูกควบคุมตัว
โดยในช่วงระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน วานนี้ มีรายงานว่า นอกจากกัมพูชาจะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ แล้ว เพื่อตอบที่รัฐบาลกัมพูชามุ่งมั่นแก้ไขความขัดแย้งด้วยแนวทางสันติภาพ จึงเริ่มมีการถอนอาวุธหนักตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ ทางรัฐบาลสหรัฐฯ จึงจะยกเลิกการห้ามส่งออกอาวุธไปยังกัมพูชา และจะกลับมาเริ่มการฝึกซ้อมรบร่วมกันอีกครั้ง หลังจากมีขึ้นครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี พ.ศ.2560
นอกจากนี้สหรัฐฯ และกัมพูชา ตกลงที่จะขยายความร่วมมือในการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ยาเสพติดและศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันสูญเงินมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี หรือกว่า 3.2 แสนล้านบาท ต่อปี