หลังการลงนามข้อตกลงสันติภาพ ไทย-กัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์วานนี้ โดยมีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน
ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ยินดีที่ทั้งสองฝ่ายจะยุติความขัดแย้งที่ยาวนานมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาและฟื้นความสัมพันธ์กลับคืนสู่ภาวะปกติ เพราะเชื่อว่าการลงนามข้อตกลงสันติภาพครั้งนี้จะส่งผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศมากกว่า และเนื่องจากเป็นการลงนามที่โปร่งใส โดยมีหลายชาติเป็นสักขีพยาน จึงสามารถติดตามตรวจสอบได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามประเด็นที่ตกลงกันไว้หรือไม่
อย่างไรก็ตามชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งยังกังวล เกรงว่าจะเป็นเพียงการลงนามเพื่อเอาใจ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จากนั้นก็จะมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีก อย่างน้อยฝ่ายไทยควรแสดงความจริงใจด้วยการปล่อยตัวทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 18 นาย
ในช่วงระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนวานนี้ มีรายงานว่า นอกจากกัมพูชาจะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ แล้ว เพื่อตอบแทนที่รัฐบาลกัมพูชามุ่งมั่นแก้ไขความขัดแย้ง ด้วยแนวทางสันติภาพ โดยเริ่มมีการถอนอาวุธหนักตั้งแต่เช้าวันนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จึงจะยกเลิกการห้ามส่งออกอาวุธไปยังกัมพูชา และจะกลับมาเริ่มการฝึกซ้อมรบร่วมกันอีกครั้ง หลังจากมีขึ้นครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 นอกจากนี้สหรัฐฯ และกัมพูชาตกลงที่จะขยายความร่วมมือในการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ยาเสพติดและศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันสูญเงินมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี