น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระผู้ทรงนำช้างเร่ร่อนจากเมืองหลวงคืนถิ่นที่ จังหวัดสุรินทร์ สมเด็จพระพันปีหลวง ผู้ทรงห่วงใยช้างไทย ทรงมีพระราชดำริให้จัดการดูแลช้างเร่ร่อนที่กระจัดกระจายอยู่ในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ให้ได้กลับคืนถิ่นอันเหมาะสม ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา
วันนี้ (27 ต.ค.68) เพจองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระผู้ทรงนำช้างเร่ร่อนจากเมืองหลวงคืนถิ่นที่ จังหวัดสุรินทร์ สมเด็จพระพันปีหลวง ผู้ทรงห่วงใยช้างไทย พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้จัดการดูแลช้างเร่ร่อนที่กระจัดกระจายอยู่ในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ได้กลับคืนถิ่นอันเหมาะสม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา โดยมอบหมายให้ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ
“ช้างป่าเป็นสัตว์ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงรัก ทรงห่วงใย ขอให้ช่วยกันดูแล มิให้ช้างถูกฆ่าอย่างทารุณเยี่ยงนี้ เพื่อจะได้ไม่ผิดพระราชประสงค์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระทัยที่จะให้มีการอนุรักษ์ช้างให้เป็นสัตว์คู่แผ่นดินสืบไป”
พระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระพันปีหลวง
เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555
พระราชเสาวนีย์อันเปี่ยมด้วยพระเมตตานี้ เปรียบประดุจประกายแห่งพระราชหฤทัยอันยิ่งใหญ่ ที่สะท้อนถึงความห่วงใยของสมเด็จพระพันปีหลวงต่อช้างไทย - สัตว์สัญลักษณ์แห่งความมั่นคงและเกียรติภูมิของแผ่นดิน ที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยมาแต่โบราณกาล
จากถ้อยคำอันทรงคุณค่านี้ พระองค์ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริให้จัดการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรช้างไทยอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านที่อยู่อาศัย อาหาร และคุณภาพชีวิต เพื่อให้ “คนกับช้างอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข” - อันเป็นแนวคิดแห่งความสมดุลระหว่างธรรมชาติและมนุษย์ ที่พระองค์ทรงวางไว้เป็นรากฐานสำคัญแห่งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไทย
ในการนี้ พระองค์ได้ทรงมีพระราชเสาวนีย์ในคราวถวายรายงานการเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าหายากขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย โปรดให้ดำเนินการอนุรักษ์พันธุ์ช้างไทยอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต เนื่องจาก “ช้าง” ถือเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติ ควรได้รับการคุ้มครองและดูแลให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
พระองค์ทรงพระราชทานพระราชดำริให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดงภูดิน ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่ เป็นสถานที่จัดตั้ง “โครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์” เพื่อเป็นศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติแบบบูรณาการ ผสมผสานการดูแลช้างไทยกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวกวย ผู้มีวิถีชีวิตผูกพันกับช้างมาแต่โบราณ
โครงการคชอาณาจักรฯ ได้พัฒนาขึ้นบนแนวคิด “หมู่บ้านช้างเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลของคนและช้าง บนพื้นฐานของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งทางธรรมชาติ เศรษฐกิจ และสังคม
ปัจจุบัน โครงการฯ มีช้างอยู่ในความดูแลกว่า 200 เชือก ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติโดยคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และมีชุมชนชาวกวยต้นแบบ 20 หลังคาเรือน ที่ดำรงชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีช้างเป็นศูนย์กลางของความผูกพันและการพัฒนา
“โครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์” จึงนับเป็นผลแห่ง พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระพันปีหลวงทรงพระราชทานแก่ผืนแผ่นดินไทยและช้างไทยทุกเชือก เป็นอนุสรณ์แห่งความรัก ความผูกพัน และพระปณิธานอันแน่วแน่ ที่จะทรงสืบสานการอนุรักษ์ “ช้างไทย” ให้ดำรงอยู่คู่ผืนแผ่นดินไทยตราบนานเท่านาน
ด้วยดวงพระราชหฤทัยแห่ง “แม่แห่งแผ่นดิน” พระองค์ทรงเป็นดั่งแสงแห่งความเมตตา ที่ส่องนำให้พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่าร่วมกันดูแล รักษา และสืบสานมรดกแห่งธรรมชาติให้ “ช้างไทย” อยู่คู่ชาติไทยอย่างร่มเย็น มั่นคง และยั่งยืนสืบไป