ปานเทพ แฉการหารือ JBC-GBC ทำให้ไทยเสียเปรียบ

ปานเทพ แฉการหารือ JBC-GBC ทำให้ไทยเสียเปรียบ

View icon 79
วันที่ 27 ต.ค. 2568 | 15.25 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
"ปานเทพ" แฉรัฐบาลไทยกำลังโกหกคนไทยทั้งประเทศ การหารือ JBC-GBC ทำให้ไทยเสียเปรียบ เสี่ยงเสียดินแดนซ้ำ ขณะที่ "วีระ" เตรียมพามวลชนชาวบ้านบ้านหนองจานไล่กัมพูชา 31 ต.ค. นี้

วันนี้ (27 ต.ค.68) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วย นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น แถลงข่าวกรณีความกังวลเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า การพูดคุยในที่ประชุม JBC และ GBC ไทยอาจเสียเปรียบ

นายปานเทพ บอกว่า มีความกังวลเรื่องผลการประชุม JBC-GBC การประชุมที่ผ่านมา ไม่เปิดเผยให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียได้ทราบรายละเอียด ลักษณะเหมือนปกปิดข้อมูล อ้างว่าเป็นความลับและกลยุทธ์ในการเจรจา แต่ท้ายที่สุดชาวไทยกลับได้รับข้อมูลอันครบถ้วนจากผู้นำกัมพูชา และข่าวจากต่างประเทศ

อีกทั้งในการประชุมที่ผ่านมา รัฐบาลไทย และตัวแทนประเทศไทย ไม่เคยพูดถึงการยกเลิก MOU 2543 ตามมาตรา 60 ของอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยการทำสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 ทั้งที่กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดร้ายแรงตามข้อ 8 และข้อ 3 โจมตีพลเรือน วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล 

ที่สำคัญคือ ไทยไม่มีการพูดถึงการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว หรือการว่าจะสร้างกำแพงทันทีอย่างที่เคยพูดไว้ เพราะในที่ประชุม JBC ระบุว่าสองฝ่ายจะแก้ไข TOR 2546 จะผลิตภาพถ่ายทางอากาศ ใช้อุปกรณ์ไลดาห์ สำรวจเขตแดน เพื่อจัดทำเครื่องหมายชั่วคราว ก่อนที่จะขอการอนุมัติจากรัฐบาลฝั่งของตัวเอง แล้วค่อยมีการปรับเปลี่ยนการครอบครองที่ดิน 2 ฝ่าย เท่ากับเรื่องนี้รัฐบาลไทยกำลังโกหกคนไทยทั้งประเทศ และอาจทำให้คนไทยสูญเสียดินแดน เพราะทุกคำพูดของ พลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังคงอ้างอิงถึงถึง MOU และ TOR ซึ่งเนื้อในข้อตกลงทั้ง 2 สอดใส้แผนที่ 1 : 200,000 เมื่อไม่มีการยกเลิก ก็เป็นเหตุให้กัมพูชานำมาใช้อ้างอิงได้ และถ้าการตกลงเขตแดนกับกัมพูชาไม่ลงตัว ไทยจะต้องรอไปอีกกี่สิบปีจึงจะได้ข้อยุติเรื่องแนวเขตแดน

นอกจากนี้การทำ MOU ไทย-สหรัฐอเมริกา ก็เป็นการผลักให้ไทยเลือกข้างไปอยู่ข้างสหรัฐอเมริกา เผชิญหน้ากับจีน แทนที่จะเป็นประเทศที่วางตัวเป็นกลางก่อนหน้านี้

ขณะที่นายวีระ ย้ำว่า สิ่งที่สำคัญ คือ การผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนไทยออกจากพื้นที่ 71 ไร่ ของชาวบ้านหนองจาน โดยมองว่าการรุกล้ำดินแดนกับปัญหาเส้นเขตแดนต้องแยกออกจากกัน อย่างน้อยๆ ชาวกัมพูชาควรย้ายออกไปอยู่หลังเส้นเขตแดนสีแดงที่กัมพูชาอ้างไว้ (ตามแผนที่ 1:200,000) ซึ่งวันที่ 31 ต.ค.นี้ จะมีการรวมพลชาวบ้านไปร่วมกันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกเข้ามา

ส่วนจะทำให้ปัญหาบานปลาย หรือเกิดการกระทบกระทั่งเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายวีระ ยืนยันว่า เป็นการปฏิบัติการในแผ่นดินไทย อยู่ภายใต้กฎหมายไทย เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐไทยกำหนดเส้นตายให้ออกภายใน 10 ต.ค. ที่ผ่านมา แล้วไม่ออก ชาวบ้านหนองจานก็ขอใช้สิทธิ์ดำเนินการเอง และถ้าตำรวจหรือทหารไทยมาขัดขวางประชาชน จะถือว่าปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ พร้อมย้ำด้วยว่าหากมีการใช้ความรุนแรงกับประชาชนไทย อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และอาจจะจบแบบ "เนปาลโมเดล" ก็ได้

ทั้งนี้นายวีระยังกล่าวปิดท้ายด้วยว่า ตนเองได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นทหารชายแดนบ้านเขาดิน จังหวัดสระแก้ว อาจมีการเปิดด่านชายแดนบ้านเขาดินในวันที่ 1 พ.ย.68 ตอนนี้รอเพียงคำสั่งยืนยัน และไม่รู้ว่าจะเป็นการเปิดเฉพาะด่าน หรือเปิดทุกด่านชายแดนไทย-กัมพูชา