หมิว พรปวีณ์ นักกีฬาแบดมินตัน กลับมารับใช้ทีมชาติต่อ หลังคุย ธรรมนัส-กกท.

หมิว พรปวีณ์ นักกีฬาแบดมินตัน กลับมารับใช้ทีมชาติต่อ หลังคุย ธรรมนัส-กกท.

View icon 136
วันที่ 28 ต.ค. 2568 | 14.24 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“หมิว พรปวีณ์” เปลี่ยนใจลุยแบดมินตัน “ซีเกมส์” หลังคุย “ธรรมนัส”  พร้อมตั้ง คกก.ชุดพิเศษตรวจสอบปัญหาทุกสมาคมฯ กีฬา ขณะที่ ผู้ว่าฯ กกท. จ่อสังคายนาทุกสมาคม ลั่นหากมีเอกสารหลักฐานทุจริต พร้อมให้ “ตร.-ป.ป.ช.-ปปง.ดีเอสไอ” ตรวจสอบ หวังทุกอย่างคลี่คลายโดยเร็วที่สุด

28 ต.ค. 68 เมื่อเวลา 12.45 น. ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังหารือกับ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และ นางสาวพรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ หรือ หมิว พรปวีณ์ นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ที่ได้ถอนตัวออกจากการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และถูกตัดเบี้ยเลี้ยง

โดยร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า มีคำสั่งให้ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ สมาคมกีฬาที่มีปัญหาทุกสมาคม ไม่ใช่เฉพาะสมาคมแบดมินตันฯ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ต้องมีความโปร่งใส และจากการพูดคุยกับนักกีฬาและโค้ชถึงปัญหาต่าง ๆ มีข้อตกลงชัดเจนว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาจะทำหน้าที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ส่วนตัวนางสาวพรปวีณ์ และโค้ชนั้น จะเดินหน้าในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ต่อไป

ขณะที่เรื่องต่าง ๆ ได้มอบหมายให้ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยแก้ไขปัญหา ส่วนตนจะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของกีฬาทุกประเภท เพราะต้องการชำแหละวงการกีฬาทุกสมาคม เพื่อให้เข้าสู่ระบบ รวมทั้งเป็นการพัฒนากีฬาให้เป็นนักกีฬาอาชีพ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวนักกีฬาเอง

เมื่อถามถึงปัญหาหลักที่เกิดขึ้น ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเรื่องการบริหารในสโมสร และในสมาคมฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนักกีฬาแต่ละคนที่มาจากสโมสรมีปัญหากับบางสมาคมฯ ไม่ใช่เฉพาะสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ เนื่องจากบางสมาคมฯ ทำตัวเป็นสโมสรเสียเอง ทำให้เกิดปัญหา จึงเป็นเรื่องที่ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยจะรับไปแก้ไข รวมถึงตรวจสอบเรื่องงบประมาณที่คณะกรรมการชุดพิเศษจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

ด้านนางสาวพรปวีณ์ กล่าวว่า ยินดีที่จะทำเพื่อชาติ และพี่ ๆ น้อง ๆ ที่อยู่ในทีมก็เต็มใจที่จะตีเพื่อทีมของเรา ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ขอฝาก ร้อยเอกธรรมนัส ช่วยแก้ไขให้ เพื่อพัฒนาวงการกีฬาให้มีนักกีฬารุ่นใหม่แทนรุ่นพี่ได้ทันเวลา

ขณะที่นายก้องศักด กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้เราจะต้องจบปัญหาให้เร็วที่สุด โดยในระยะสั้นก็คือ การได้รับความร่วมมือจากทางสมาคม และ นางสาวพรปวีณ์ จะเดินหน้าทำงานรับใช้ชาติในเรื่องของการเป็นนักกีฬาทีมชาติในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

นายก้องศักด กล่าวว่า ส่วนเรื่องปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสมาคม ตนในฐานะนายทะเบียนได้รับมอบหมายไปดำเนินการ ไม่ใช่เฉพาะแบดมินตันเท่านั้น ข้อร้องเรียนต่าง ๆ ในสมาคมต่าง ๆ กับนักกีฬาที่เกี่ยวข้องกับซีเกมส์ หรือไม่เกี่ยวข้องก็จะต้องได้รับการสังคายนา หรือมาจัดระบบ ระเบียบใหม่ ซึ่งตรงนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็หวังว่า จะให้กรณีของน้องหมิวเป็นตัวอย่าง และเป็นจุดเริ่มต้น ในการที่จะทำงานบูรณาการร่วมกัน และสังคายนาสิ่งต่าง ๆ ที่อาจจะยังไม่ถูกต้อง ผิดระเบียบกฎหมายต่าง ๆ ยืนยันว่าเดินหน้าทุกอย่างคงจะมี คลี่คลายได้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่า กรณีนักกีฬายิงเป้าบินที่ถอนตัวไปก่อนหน้านี้ จะมีการแก้ปัญหาอย่างไร นายก้องศักด กล่าวว่า เป็นหนึ่งในเรื่องที่ ร้อยเอก ธรรมนัส ดำริว่าเราจะต้องดำเนินการ โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นบรรทัดฐานต่อไป ซึ่งจะดำเนินการสอดคล้องกับกรณีของแบดมินตันเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า กรณีที่มีการหักเงินรางวัลของนักกีฬาอย่างสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย นายก้องศักด กล่าวว่า ถ้ามีเอกสารหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำความผิด ในฐานะนายทะเบียนก็ต้องดำเนินการ เพราะเป็นระเบียบกฎหมาย ถ้ามีเอกสารหลักฐานอะไรที่สอบไปในเรื่องของการกระทำที่ผิดระเบียบ ทุจริตต่าง ๆ เรายินดีที่จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ร้อยเอกธรรมนัส ก็มีดำริให้คณะกรรมการต่าง ๆ ที่มาจากบุคคลภายนอกหลายหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) สำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็จะทำให้มั่นใจได้ว่า ผลการพิจารณาข้อเท็จจริงต่าง ๆ เป็นไปอย่างโปร่งใส และเป็นอิสระ