หาแนวทางลดค่าครองชีพ "พิพัฒน์" ถกราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า

หาแนวทางลดค่าครองชีพ "พิพัฒน์" ถกราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า

View icon 56
วันที่ 29 ต.ค. 2568 | 14.07 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“พิพัฒน์” นั่งหัวโต๊ะถกราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า หาแนวทางลดค่าครองชีพ ยังไม่ชัดทำทันยุบสภา 31 ม.ค.69 หรือไม่ ย้ำ นโยบายใช้ระบบตั๋วร่วม รัฐบาลคำนึงเพดานหนี้สาธารณะ

วันนี้ (29 ต.ค.68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน ถึงกรณีมีเสียงสะท้อนจากประชาชน กรณีจะมีการขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายในวันที่ 1 พ.ย. นี้ ว่า การประชุมครั้งนี้จะมีการหารือ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ กรณีโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายสำหรับสายสีแดง และสายสีม่วงจะสิ้นสุดแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.68 ซึ่งก่อนหน้านี้นายกฯ มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงคมนาคม กับกระทรวงการคลังว่า หลังจากครบกำหนด 30 พ.ย.68 แล้ว กระทรวงคมนาคมจะมีแนวทางอย่างไร โดยให้หารือกับกระทรวงการคลัง

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนที่ 2 คือ ส่วนต่อขยายที่มีราคาสูงอยู่ในขณะนี้ จะมีการหารือในที่ประชุมวันนี้ เพื่อหาแนวทาง และข้อสรุปให้ได้ว่า การขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าและรถโดยสารทั้งระบบในกรุงเทพฯ และชานเมือง รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้โดยสารทั้งในกรุงเทพฯ และรอบกรุงเทพฯ ซึ่งจะหาแนวทางที่เหมาะว่า จะทำอย่างไรได้ และทำทันหรือไม่ในช่วงที่นายกฯ ประกาศไว้ว่า จะยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค.69 โดยกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังจะไปหารือกัน และจะพยายามทำให้ทัน

นอกจากนี้ ยังต้องหารือไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งจะต้องไปดูสัญญา หากอัยการสูงสุดให้คำตอบที่เร็ว เราก็สามารถดำเนินการทันได้ แต่หากดูสัญญาไม่ทัน กระทรวงการคมนาคมก็จะไปหาวิธีว่า ในช่วงรักษาการจะสามารถทำอะไรได้หรือไม่

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่จะใช้งบประมาณอุดหนุนราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า นโยบายคือ จะใช้ระบบตั๋วร่วม แต่ระบบดังกล่าวมีขั้นตอน ซึ่งตอนนี้ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย  มีเฉพาะสายสีแดงและสายสีม่วง สายสีอื่น ต้องไปเจรจากับเจ้าของบริษัทสัมปทาน ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งต้องขอหารือกับกระทรวงการคลังด้วยว่า จะทำอย่างไรไม่ให้กระทบกับหนี้สาธารณะ  ซึ่งรัฐบาลมีความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะ ที่ใกล้เคียงกับเพดาน 70%