เคาะราคาค่าโดยสาร สายสีแดง-ม่วง  เหมาจ่าย 40 บาทตลอดวัน

เคาะราคาค่าโดยสาร สายสีแดง-ม่วง เหมาจ่าย 40 บาทตลอดวัน

View icon 67
วันที่ 29 ต.ค. 2568 | 17.15 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ไม่ก่อหนี้สาธารณะเพิ่ม เคาะราคา “สายสีแดง-ม่วง”  เหมาจ่าย 40 บาทตลอดวัน นร.-นศ. 30 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จ่ายครึ่งหนึ่ง ส่วนเด็ก-ผู้พิการฟรี ใช้เฉพาะบัตร EMV เท่านั้น ซื้อหน้าตู้ จ่ายราคาตามจริง เริ่ม 1 ธ.ค.68 นี้ ชี้ใช้งบฯ อุดหนุนน้อยลง เตรียมนำเข้าที่ประชุม ครม.

วันนี้ (29 ต.ค.68) เวลา 16.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชนว่า ที่ประชุมมีการคิดอัตราค่าโดยสารตลอดสายทั้งสายสีม่วง และสายสีแดง ทั้งวัน 40 บาท แบบเหมาจ่ายตลอดวัน แต่ถ้าวิ่งขาเดียวต้องจ่ายตามความเป็นจริงสำหรับบุคคลทั่วไป ส่วนนักศึกษาจ่าย 30 บาท ส่วนกรณีของเด็ก และผู้พิการ ขึ้นรถไฟฟรีเหมือนเดิม ขณะที่ผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปี ให้จ่ายครึ่งราคาเหมือนเดิม คือครึ่งหนึ่งของ 40 บาท หรือครึ่งหนึ่งของระยะทางก็ได้ โดยเริ่มวันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไปเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง อย่างช้าไม่เกิน 18 พฤษจิกายน ซึ่งจะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็จะประกาศใช้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ทันที

ส่วนจะกังวลกับคะแนนเสียง หรือความนิยมของรัฐบาลหรือไม่ เพราะเริ่มต้นโครงการคือ 20 บาทตลอดสาย แต่รัฐบาลนี้กำหนดราคาในอัตรา 40 บาท นายพิพัฒน์ กล่าวว่า แต่ก่อนคือ เดินทางขาไปอย่างเดียวตลอดสาย 20 บาท แต่หากเปลี่ยนสายจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่อันนี้คือ 40 บาท ตลอดวัน ไม่ว่าจะขึ้นกี่รอบก็ตาม

นายพิพัฒน์  ได้ยกตัวอย่างว่า สมมติผู้ปกครองไปส่งลูกหลานที่โรงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินทางกลับบ้านในช่วงเช้า ตอนบ่ายเดินทางอีกครั้ง เพื่อรับลูกหลานกลับบ้านในวันนั้น ท่านเดินทางทั้งสิ้น 4 ครั้ง เท่ากับท่านจ่ายแค่ 40 บาท เซฟค่าใช้จ่ายมากกว่าในอดีตถึง 50% ถือว่า เป็นนโยบายที่ดีกว่าเดิม ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมจะไม่ทำให้เรื่องนี้ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทั้งราง กล่าวว่า มาตรการนี้ต้องใช้ผ่านบัตร EMV เท่านั้น ส่วนบัตรที่ใช้ตามตู้แบบเที่ยวเดียวไม่สามารถทำได้ ในส่วนของงบประมาณที่ต้องนำไปอุดหนุนในโครงการจะใช้น้อยลงจากเดิม เพราะให้สิทธิ์เฉพาะกลุ่มที่จำเป็น ซึ่งมาตรการนี้ทำเฉพาะกลุ่มที่เดินทางเยอะตลอดวัน เป็นคนหาเช้ากินค่ำคือ ประชาชนที่ไปทำงานก็จะช่วยลดค่าครองชีพเรื่องการเดินทางได้เยอะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง