ค่าเทอม 6 แสนบาท แต่ความปลอดภัยเป็นศูนย์ แม่นักเรียนอายุ 12 ขวบ แจ้งความจี่โรงเรียนอินเตอร์ชื่อดังย่านวังทองหลางรับผิดชอบ ลูกถูกเพื่อนร่วมห้องเรียนทำร้ายร่างกาย ปาลูกเทนนิสอัดเบ้าตา บาดเจ็บสาหัส ไร้การเหลียวแล
วันนี้ (29 ต.ค. 68) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา ที่ สน.วังทองหลาง นายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายความ พร้อม น.ส.ทราย แม่ของนักเรียนอายุ 12 ขวบ เรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ย่านวังทองหลาง กทม. เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ กรณีลูกชายถูกเพื่อนร่วมห้องทำร้ายร่างกาย ด้วยการปาลูกเทนนิสเข้าดวงตา เหตุเกิดในห้องเรียน
น.ส.ทราย กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 68 ภายหลังจากเหตุการณ์ตนได้พาลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ซึ่งทางแพทย์วินิจฉัยตามใบรับรองแพทย์ยังพบว่ามีเลือดค้างข้างในลูกตาขวาเป็นปริมาณพอสมควร แต่เลือดหยุดแล้ว กระจกตา เลนส์ตาปกติ มีจอประสาทตาบวมที่บริเวณรอบรอบ มีความเสี่ยงในการที่เลือดจะออกซ้ำข้างในตา ในช่วง 5-7 วันแรก ยังต้องใช้ยาลดการอักเสบและตรวจอย่างใกล้ชิด ในระยะกลางและยาว จำเป็นต้องได้รับการประเมินเรื่องต้อหิน เนื่องจากภาวะเลือดออกในลูกตาจากการถูกกระแทกแรง ๆ เช่นนี้ สามารถก่อให้เกิดโรคต้อหินในภายหลังได้ โดยการประเมินน่าจะยืนยันได้ หลังจากลดและหยุดยาขยายม่านตาแล้วครบ 3 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน ในกรณีที่มีความเสี่ยงต้อหินหรือเป็นต้อหินแล้ว จำเป็นต้องได้รับการตรวจติดตาม หรือรักษาไปตลอดชีวิต
น.ส.ทราย กล่าวต่อว่า ตนได้สอบถามลูกชาย ตอนที่ทราบเรื่อง ตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนไปเจอโรงพยาบาลน้องบอกว่าน้องปวดตาและเจ็บมาก ซึ่งหลังจากนั้นมา 2 สัปดาห์เพิ่งจะรู้ข่าวว่าผู้กระทำเป็นเด็กต่างชาติ มีความไม่พอใจอะไรบางอย่าง และผู้ก่อเหตุควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ ซึ่งตนยืนยันว่าลูกของตนไม่ได้สร้างความเดือดร้อน หรือมีประเด็นวิวาทด้วย เมื่อดูจากกล้องวงจรปิดแล้วเด็กผู้ก่อเหตุมีเจตนาชัดเจนที่จะทำร้ายร่างกาย ซึ่งความรู้สึกของตนเมื่อดูกล้องวงจรปิดก็ไม่อยากจะดู เพราะมีความรู้สึกกระทบต่อจิตใจเมื่อลูกตนเองถูกทำร้าย
ขณะเดียวกัน ได้มีการสอบถามว่าโรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนอินเตอร์ระบบจีน ซึ่งตอนเข้าไปสมัคร ก็ได้รับคำยืนยันเรื่องความปลอดภัย ระบบเซฟตีเข้าออกโรงเรียน โดยครูประจำชั้นและครูประจำวิชาจะมีการเข้มงวดกวดขันเรื่องความปลอดภัย แต่พอลูกเข้าไปเรียนในโรงเรียน กลับมาบอกว่าโรงเรียนไม่มีความปลอดภัย และมีเหตุความรุนแรง จนกระทั่งมาเกิดเหตุกับลูกของตน ซึ่งโรงเรียนระดับนี้ควรจะมีความปลอดภัยมากกว่านี้ ซึ่งค่าเทอมประมาณ 6 แสนบาทต่อปีการศึกษา พอเกิดเหตุแล้วทางโรงเรียนก็โต้ตอบช้ามาก ขาดการดูแลอย่างหนัก ซึ่งผู้ปกครองต้องเป็นคนตามเรื่องเอง ขั้นตอนการติดต่อโรงเรียนไม่ค่อยราบรื่น และไม่มีความรับผิดชอบ ขณะที่ลูกของตนก็สาหัส และเขาเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ตนมีความคิดว่าต้องหาโรงเรียนใหม่ จากระบบความปลอดภัยที่เกิดขึ้น ตนดูแลตัวเองรักษาเองมาตลอด ซึ่งโรงเรียนนี้ไม่น่าจะตอบโจทย์ ทั้งทีตนเสียค่าเทอมกว่า 6 แสนบาท แต่ได้รับการดูแลนักเรียนที่บกพร่อง กรณีดังกล่าวถือเป็นเคสตัวอย่าง
น.ส.ทราย บอกด้วยว่า ปัจจุบันผลการดำเนินงานของโรงเรียนยังไม่มีอะไรคืบหน้า ที่ผ่านมาคู่กรณีที่ทำร้ายร่างกายลูกของตนยังอยู่ในโรงเรียนเหมือนเดิม ไม่ได้ทำการไล่ออก เพียงแค่สลับห้อง ตนมองว่านโยบายการจัดการแบบนี้ถือว่าเป็นการผิดข้อตกลงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทางแม่บอกว่าไม่ต้องการให้พบเจอ แต่วันแรกที่น้องกลับไปเรียนก็เจอคำถามจากโรงเรียน ว่าน้องจะให้อภัยผู้ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งคำถามเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ ตอนนี้ลูกตนมีผลกระทบทางด้านจิตใจจากเรื่องการกรณีดังกล่าว ปัจจุบันลูกของตนยังมีอาการปวดตา และต้องรับการตรวจต่อเนื่องเพื่อป้องกันโรคต้อหิน เด็ก 12 ขวบ ไม่สมควรจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ตนอยากฝากถึงโรงเรียนว่า โรงเรียนนี้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก อยากให้โรงเรียนมีความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว
ด้าน นายกันตเมธส์ กล่าวว่า สาเหตุในการแจ้งความในวันนี้ เพื่อต้องการความยุติธรรม ทางตำรวจบอกว่าเกิดเหตุเป็นเรื่องของเด็ก ให้ไปเป็นตามกฎหมายของเด็ก ซึ่งโทษดังกล่าวไม่ได้มีอะไรหนักมาก เหตุอะไรโรงเรียนจึงไม่ช่วยดูแล และละเลยจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้ หลังจากเกิดเหตุผู้ปกครองเป็นคนเดินเรื่องเองทั้งหมด ซึ่งทางโรงเรียนไม่ได้มีการติดต่อเพื่อมาพบพูดคุยกับเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะเดียวกันวันเกิดเหตุไม่มีครูประจำชั้น หรือครูที่ปรึกษาอยู่ในห้องเรียน จึงถือว่าเป็นการละเลยอย่างยิ่งในเรื่องของความปลอดภัย สำหรับการพกพาลูกเทนนิสนั้นก็ยังไม่รับคำตอบจากโรงเรียน ว่าเด็กคู่กรณีนำเข้ามาได้อย่างไร