ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากได้ข้อสรุปว่าจะมีการถอนอาวุธหนักตลอดแนวชายแดน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน แต่ชาวบ้านกลับไม่เชื่อใจว่า ทหารกัมพูชาจะถอนกำลังจริง เพราะเมื่อ 14 ปี ที่แล้ว พอเราถอนกำลัง ทหารกัมพูชาแอบเข้ามายึดดินแดนไทยทันที
ความคืบหน้าบนโลกโซเชียล พบว่าเพจเฟซบุ๊กต่าง ๆ ของชาวสุรินทร์ ต่างเริ่มมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทวงคืนปราสาทตาควาย หลังนายกรัฐมนตรีลงนามสันติภาพกับกัมพูชา แสดงความกังวลถึงอาณาเขตแผ่นดินไทยหลายแห่งยังไม่ได้กลับคืนมา ทั้งปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก ปราสาทคนา
หนึ่งในนั้นคือ เพจ ชุมชนคนสุรินทร์ โพสต์ระบุข้อความว่า ปราสาทตาควาย ตั้งอยู่ใน ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย ตามแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน
รวมทั้งแชร์ข้อความให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับปราสาทตาควาย และโพสต์เชิญชวนให้ประชาชน ที่เคยไปเที่ยวปราสาทตาควาย นำภาพถ่ายมาโพสต์โชว์ ให้เห็นว่าปราสาทเป็นของไทย เพื่อแสดงความต้องการให้รัฐบาล และทหารนำดินแดนไทย และปราสาทตาควายกลับคืนให้หมด ซึ่งก็มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก
และเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการเริ่มปฏิบัติถอนอาวุธหนักจากชายแดนของทางฝ่ายไทย ก่อนกำหนดคือวันที่ 1 พฤศจิกายน ตามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้การสังเกตการณ์ของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT การถอนอาวุธหนักครั้งนี้เป็นรถถัง 2 คัน กลับสู่ที่ตั้ง
พอถอนกำลังเท่านั้นแหล่ะ ชาวบ้านหมู่บ้านภูมิชรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดชายแดนกัมพูชา ที่เพิ่งกลับมาทำมาหากินกัน แม่ค้าไก่ย่าง เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 14 ปีที่แล้ว หลังไทยปะทะกับกัมพูชารอบแรก พอมีข้อตกลงหยุดยิงถอนกำลังทหารไทยลงมาได้เพียง 1 วัน ทหารกัมพูชาก็เข้าไปยึดถือครองพื้นที่ยุทธศาสตร์ทันที ครั้งนี้ก็เหมือนกันไม่เชื่อใจว่าทหารกัมพูชาจะทำอย่างที่ตกลงไว้
ส่วนชายแดนด้าน จังหวัดสุรินทร์ ก็เช่นเดียวกัน ชาวบ้านไม่เชื่อว่ากัมพูชาจะรักษาสัญญา ไปช่วยกันก่อสร้างบังเกอร์ที่โรงเรียนใน อำเภอกาบเชิง ไว้ให้เด็กนักเรียนได้ใช้หลบภัยหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น
นายสมพงษ์ อายุ 55 ปี มีบ้านอยู่ใกล้กับปราสาทตาควาย บอกว่า รัฐบาลและทหารต้องตัดสินใจเด็ดขาด เมื่อกัมพูชายังครองตาควายอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้ปัญหาจะยืดเยื้อ กัมพูชาเชื่อใจไม่ได้ ส่วนเรื่องเปิดด่าน ต้องให้มีการแบ่งเขตทำรั้วให้ชัดเจนก่อนค่อยเปิด ต้องแบ่งดินแดนให้ชัดเจน หากยืดเยื้อต่อไปชาวบ้านทำมาหากินลำบาก
และเมื่อเช้าที่ผ่านมา บริเวณถนนเลียบชายแดน เส้นทางขึ้นพื้นที่รูปตัวยู บ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทีมข้าราชการทหาร ทำพิธีบวงสรวง นำอาหารหวานคาวเครื่องเส้นไหว้ต่าง ๆ ทำพิธีตั้งศาลพระภูมิ และศาลตายาย แทนของเดิมที่มีสภาพเก่า เพื่อความเป็นสิริมงคล
หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะนำเสาธงขึ้นไปประกอบเข้ากับฐานที่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ และทำการทดลองติดตั้งธงชาติตรวจเช็คความเรียบร้อย เตรียมพร้อมสำหรับวันชักธงชาติ เพื่อประกาศความเป็นอธิปไตยของไทย ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ โดยจะมีหน่วยงานราชการ พร้อมชาวบ้านเดินทางเข้ามาร่วมเพลงชาติไทยจำนวนมาก พร้อมสร้างฐานทหาร ในการดูแลบริเวณพื้นที่รูปตัวยู อีก 1 ฐาน
นอกจากนี้ ยังมีการทำถนนเชื่อมโยงไปยังฐานเครือหวาย ซึ่งเป็นฐานทหารสุดท้ายของจังหวัดจันทบุรี ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร และทำต่อเนื่องให้ไปบรรจบกับบ้านหนองบอน อำเภอบ่อไร่ รอยต่อจังหวัดตราด คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่เกิน 3 วันจะถึงฐานเครือหวาย เนื่องจากเป็นทางลาดชัน หุบเขาสูง และมีคลองกั้น จึงทำให้การทำงานล่าช้า