Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 31 ต.ค.68
1.คิงชาร์ลส์ที่ 3 ทรงถอดพระอิสริยยศ "เจ้าชายแอนดรูว์"
สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ออกแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีพระบรมราชโองการถอดพระอิสริยยศ "เจ้าชาย" และฐานันดรทั้งหมดของเจ้าชายแอนดรูว์ พระอนุชา และริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมด นับจากนี้ไปจะต้องใช้ชื่อว่า "นายแอนดรูว์ เมาต์แบตเทน วินด์เซอร์" เหมือนสามัญชน และต้องย้ายออกจากคฤหาสน์รอยัลลอดจ์ ซึ่งเป็นพระตำหนักในเขตพระราชวังวินด์เซอร์
ก่อนหน้านี้ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าชายแอนดรูว์ ซึ่งมีพระชนมายุ 65 พรรษา ทรงสละบรรดาศักดิ์ "ดยุกแห่งยอร์ก" เพราะได้รับความกดดันอย่างหนัก หลังมีการตีพิมพ์หนังสือ "Nobody’s Girl: A Memoir of Surviving Abuse and Fighting for Justice" ของ นางสาวเวอร์จิเนีย จูฟเฟร ซึ่งกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “เจ้าชายแอนดรูว์” กับ “เจฟฟรีย์ เอปสตีน” ผู้ต้องหาคดีจัดหาหญิงเพื่อการค้าประเวณีและล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงการเปิดเผยว่าเธอเคยมีเพศสัมพันธ์กับเจ้าชายแอนดรูว์หลายครั้ง ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้ “เจ้าชายแอนดรูว์” จะปฏิเสธมาโดยตลอด
เมื่อวันพุธ (29 ต.ค. 68) ที่ผ่านมา ในการประชุมรัฐสภาอังกฤษ ยังมีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมว่า “เจ้าชายแอนดรูว์” สมควรได้พำนักอยู่ในคฤหาสน์รอยัลลอดจ์ต่อไปหรือไม่ ขณะที่สื่อมวลชนก็ตั้งคำถามถึงเรื่องที่ “เจ้าชายแอนดรูว์” ทรงรับเงินจากนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ฉ้อโกงเงินบำนาญ
2.กัมพูชาลั่น ปัญหา “สแกมเมอร์” โทษกันฝ่ายเดียวไม่ได้
สำนักข่าว “ขแมร์ ไทมส์” ของกัมพูชา รายงานว่า หลังจากที่สำนักข่าว CNA ของสิงคโปร์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสิงคโปร์ได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 34 คน ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งหลอกลวงทางออนไลน์ที่ปฏิบัติการจากกัมพูชา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นชาวสิงคโปร์ 27 คน และชาวมาเลเซีย 7 คน รายงานระบุว่าผู้ต้องสงสัยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายหลอกลวงทางออนไลน์ข้ามชาติที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา
ทาง พลเอก เขียว โสภาค โฆษกกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา กล่าวว่า ทางกัมพูชายินดีร่วมมือกับสิงคโปร์และประเทศอื่น ๆ เพื่อร่วมกันต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์และเทคโนโลยี โดยเน้นย้ำว่าการฉ้อโกงทางออนไลน์เป็นปัญหาข้ามชาติที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศแก้ไข ซึ่งบรรดาชาติอื่น ๆ ไม่สามารถโทษกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียวได้ และพวกเราต้องร่วมมือกันปราบปรามขบวนการรฉ้อโกงออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกัมพูชาไม่สนับสนุนอาชญากรรมเช่นนี้เพราะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสื่อมเสีย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของกัมพูชา
3.น้ำท่วมเวียดนามยังวิกฤต ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง
ทางการเวียดนาม เผยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมหนักในพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 13 คนแล้ว และยังมีผู้สูญหายอีก 11 คน
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางตอนกลางของเวียดนาม ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักมากเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะที่เมืองเว้ และเมืองฮอยอัน ซึ่งเป็นเขตมรดกโลก ได้รับผลกระทบหนักสุด นอกจากนี้ ยังมีรายงานบ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 116,000 หลัง และพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมประมาณ 31,250 ไร่ และยังมีถนนและเส้นทางรถไฟได้รับความเสียหาย ขณะที่หลายพื้นที่ประสบปัญหาไฟดับ
ทางชาวเมืองฮอยอันอายุ 60 ปีคนหนึ่งเปิดเผยว่า เขาเผชิญกับน้ำท่วมมาแล้วหลายครั้ง และเหตุน้ำท่วมครั้งนี้นับว่าเลวร้ายที่สุด ขณะที่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยกเลิกการจองโรงแรมต่าง ๆ ในเมืองด้วย
ทั้งนี้ คาดว่าตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่วันนี้ ต่อเนื่องจนถึงค่ำวันเสาร์ (1 พ.ย. 68) นี้ บางพื้นที่จะมีปริมาณฝนรายวันสูงกว่า 500 มิลลิเมตร
4."เจ็ตบลูแอร์เวย์ส" ลดระดับความสูงฉับพลัน ผดส.เจ็บอื้อ
เครื่องบินแอร์บัส 320 ของสายการบินเจ็ตบลูแอร์เวย์ส (JetBlue Airways) เส้นทางจากเมืองกังกุน ของเม็กซิโก ไปยังสนามบินนวร์กลิเบอร์ตี (Newark Liberty) ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ของสหรัฐฯ วานนี้ (30 ต.ค.) ประสบปัญหาในการควบคุมการบิน ทำให้เครื่องบินลดระดับความสูงอย่างกะทันหันและจำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา ก่อนมีการลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 15-20 คน เข้ารับการปฐมพยาบาลในโรงพยาบาลใกล้เคียง เคราะห์ดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) กำลังสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่หน่วยงานรัฐบาลกลางปิดทำการนานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว จากความขัดแย้งเรื่องร่างงบประมาณ ส่งผลให้เกิดปัญหาเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศไม่เพียงพอ และยังทำให้เที่ยวบินจำนวนมากล่าช้า ในช่วงใกล้ถึงฤดูกาลเดินทางวันหยุดยาวด้วย
5."ทรัมป์" เปิดทำเนียบขาว ร่วมฉลองวันฮาโลวีน
บรรดาเด็ก ๆ หลายสิบคนร่วมแต่งตัวด้วยชุดหลากหลายรูปแบบตามจิตนาการ ไม่ว่าจะเป็นชุดไดโนเสาร์, เจ้าหญิง, ลูกฟักทอง ไปจนถึง "มินิ โดนัลด์ ทรัมป์" เพื่อร่วมสนุกในกิจกรรม "หลอก หรือ เลี้ยง" หรือ "ทริก ออร์ ทรีต" (Trick or Treat) ในเทศกาลวันฮาโลวีน ประจำปีครั้งที่ 67 ของทำเนียบขาว
โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พร้อมด้วยนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่ง ร่วมทักทายและแจกลูกกวาดให้กับเด็ก ๆ และครอบครัวที่มาร่วมงาน อีกทั้งยังมีการแจกลายเซ็นให้เด็ก ๆ อีกด้วย
สำหรับกิจกรรมปีนี้จัดขึ้นด้วยความร่วมมือกับสมาคมผลผลิตอาหารสดนานาชาติ (International Fresh Produce Association) ซึ่งหลังงานเทศกาลจบลง “ฟักทอง” ที่ใช้ในการตกแต่งจะถูกบริจาคให้กับครัวกลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (DC Central Kitchen) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในการจัดทำ "ห้องครัวชุมชน"