วันนี้ (2 พ.ย.68) หลังจากไทย-กัมพูชา ตกลงที่จะดำเนินการถอนอาวุธ 3 เฟส คือ เฟส 1 Type A อาวุธทำลายล้างสูง,เฟส 2 ปืนใหญ่ 155 มม.ถอนออก ภายใน 3 สัปดาห์ และเฟส 3 ยานเกราะ- รถถัง ถอนภายใน 6 สัปดาห์ ก่อนเวลา 00.00 น.ของคืนที่ผ่านมา (1 พ.ย. 2568) จะเริ่มปรับกำลังตามลำดับของประเภทอาวุธ จากนั้น ในวันที่ 15 พ.ย. 68 จะมีการจัดการประชุมเพื่อทบทวนการปฏิบัติเฟส 1 เพื่อเตรียมการและแก้ไขปัญหาและ หารือในการปรับกำลังใน เฟส 2 และ เฟส 3 เพื่อให้ส่วนที่เกี่ยวข้องมีเวลา ในการวางแผนเข้าตรวจสอบ และการเคลื่อนย้าย

ล่าสุดพบ เพจเฟซบุ๊ก ”ชุมชนคนสุรินทร์” ได้โพสต์ภาพและคลิปภาพ การเคลื่อนกำลังพลและถอนอาวุธหนัก ซึ่งพบว่าเป็นหน่วยทหาร BHQ ของกัมพูชา พร้อมระบุข้อความว่า “วานนี้กองทัพคะแมร์ได้เตรียมถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนไทย-กัมปูเจีย ออกจากฐานที่มั่นในเขตจังหวัดเปรียะวิเฮียร(จ.พระวิหาร) และจังหวัดอุดรเมียนเจีย (จ.อุดรมีชัย) กลับฐานที่ปฏิบัติการเดิมคืน โดยมีคณะผู้สังเกตุการณ์อาเซียน (AOT) ที่คอยสังเกตการณ์ อย่างใกล้ชิด อีกด้วย

ด้าน นายสำนวน บุญเลิศ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.9 บ.โคกเจริญ ต.ด่าน อ.กาบเชิงฯ กล่าวว่า ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กาบเชิง ที่มาขายขนมไทยที่ย่านการค้าตลาดชายแดนช่องจอม กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเขมรจะถอนกำลังจริง จากภาพที่ปรากฏน่าจะหลอกมากกว่า ไม่เชื่อใจเขมร ส่วนตัวตนไม่อยากให้ทหารไทยถอนกำลัง เพราะเขมรเชื่อไม่ได้ ทหารอยู่ชายแดนทำให้ชาวบ้านรู้สึกอบอุ่น อยากให้นายกรัฐมนตรีจัดการให้เบ็ดเสร็จ

“ถ้าเจรจาด้วยสันติภาพ ให้เขมรออกจากปราสาทตาควาย เขมรไม่ยอมออกแน่นอน สถานการณ์ก็จะยืดเยื้อไปอีก ชาวบ้านก็อยู่ยังหวาดระแวง ทำมาหากินลำบาก ไม่มีคนกล้าเข้ามาเที่ยวตลาดชายแดนช่องจอม ส่วนใหญ่ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนอยากให้จบเร็ว ๆ ฝากทหารจัดการให้เบ็ดเสร็จเรียบร้อยไปทีเดียว ปล่อยไว้ อนาคตก็คงกลับมายิงใหม่อีก ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยเฉพาะที่หมู่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง ชาวบ้านและเด็กก็ตายมาแล้ว”