ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหา “กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ไวยาวัจกรวัด ถอยรถชนเด็กหญิง 5 ขวบ เสียชีวิต ในงานบุญกฐิน เด็กชายเจ็บ อีก 3 คน ญาติเศร้าวันนี้เปิดเทอวันแรก แต่หลานหมดโอกาสไปโรงเรียน
จากกรณีอุบัติเหตุสลดในงานบุญกฐิน ภายในวัดแห่งหนึ่ง ต.โสกนกเต็น อ.พล จ.ขอนแก่น โดยไวยาวัจกรของวัด อายุ 64 ปี คาดว่าเข้าเกียร์ผิด ถอยรถเก๋งพุ่งชนเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ เสียชีวิต และยังมีเด็กชายอีก 3 คน อายุระหว่าง 7 ขวบ ถึง 10 ปี ได้รับบาดเจ็บ โดยมี 1 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าวันนี้ (3 พ.ย. 68) พ.ต.อ.พีระฉัตร สาขา ผกก.สภ.พล กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 68 ช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. ตำรวจได้รับแจ้งมีเหตุรถชนที่งานบุญกฐินที่วัดอโศการาม จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 3 คน เป็นเด็กทั้งหมด โดยผู้เสียชีวิตเป็นเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ ส่วนผู้บาดเจ็บ 3 คน เป็นเด็กชาย นักเรียนชั้น ป.3 ได้รับบาดเจ็บแขนซ้าย และสะโพกหัก ทางโรงพยาบาลพล ส่งตัวเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ซึ่งเช้านี้มีตรวจเช็กเรื่องปอด ว่ามีช้ำภายในและได้รับการกระทบแระเทือนอวัยวะส่วนอื่นอีกหรือไม่ ส่วนแขนและสะโพคที่หัก แพทย์กำลังวินิจฉัยว่าต้องผ่าตัดเพื่อต่อกระดูกหรือไม่ เพื่อทำการรักษาต่อไป
ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน เป็นเด็กชาย นักเรียน ชั้น.ป.1 และ เด็กชาย นักเรียนชั้น ป.2 ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะนี้ได้ออกจากโรงพยาบาลพลกลับไปพักฟื้นตัวที่บ้านแล้ว ส่วนคนขับรถคันเกิดเหตุ ทราบชื่อ นายหนูกัณห์ อายุ 64 ปี ทำหน้าที่เป็นไวยาวัจกรวัดดังกล่าว ซึ่งได้เข้าแสดงตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พล แล้ว จากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า วันดังกล่าวมีงานบุญกฐินที่วัด ก็เข้ามาช่วยเป็นปกติ โดยขับรถเก๋ง สีขาว ทะเบียน งข 9711 ขอนแก่น มาจอดข้างศาลาการเปรียญวัด ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 16.00 น. มีการแห่ฉลองกฐินรอบหมู่บ้าน และขบวนกำลังจะเข้ามาในวัด เห็นว่ารถขวางทางขบวนแห่ จึงเจตนาดีช่วยเลื่อนรถออกจากเส้นทางขบวน แต่ปรากฏว่าเข้าเกียร์ผิด จึงถอยอย่างแรง จนชนเด็กหญิงและเพื่อนซึ่งอยู่ด้านหลังรถ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว โดยไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุขึ้น เป็นเหตุสุดวิสัย
อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอร์ ผลตรวจเป็นศูนย์ และผู้ก่อเหตุเข้ามาแสดงตัวด้วยตนเอง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี พนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ก่อน โดยในวันนี้จะเรียกตัวคู่กรณีทั้งคู่มาสอบปากคำอีกครั้ง รวมถึงเจรจาความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดของวัด ที่บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และเตรียมแจ้งข้อหา “กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน น.ส.สุธีธิดา อายุ 20 ปี น้าสาวของเด็กหญิงที่เสียชีวิต บอกว่า วันนี้ทางตำรวจนัดเจรจากับคู่กรณีที่ สภ.พล เพื่อตกลงค่าเสียหายที่เกิดขึ้น โดยทางครอบครัวยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะเด็กเพิ่งอายุ 5 ขวบ ยังมีอนาคตอีกไกล และไม่ได้มีความผิดอะไร ซึ่งวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก แต่หลานก็ไม่ได้ไปโรงเรียน ครอบครัวเสียใจมาก ส่วนพิธีกรรมทางศาสนา เนื่องจากเด็กอายุยังน้อย จึงไม่มีพิธีกรรมการสวดทำบุญอะไร แต่เก็บร่างน้องไว้ในโลงเย็นเท่านั้น และจะยังไม่ทำอะไรจนกว่าจะได้ผลสรุปสิ้นสุด จึงจะนำร่างหลานทำพิธีทางศาสนาต่อไป