ข่าวภาคค่ำ - กระทรวงกลาโหม ชี้แจงกองทัพไทยแค่ถอนอาวุธหนักออกจากชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ไม่ได้ถอนกองกำลังป้องกันชายแดนออกไป ขณะที่รัฐบาลยืนยันไม่มีการเปิดด่านจนกว่ากัมพูชาทำตามข้อตกลง
รัฐบาลมุ่งคืนความสงบสุขชายแดน ยังไม่คุยเปิดด่าน
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงยืนยันว่า รัฐบาลมุ่งมั่นตั้งใจ จะนำความสงบสุขกลับมาคืนสู่คนไทยทุกคน ยึดหลักว่า จะไม่เสียดินแดน ไม่เสียอธิปไตย แม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว
ส่วนการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่มีการพูดถึง เพราะการเปิดด่านจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่พิจารณา ซึ่งกัมพูชาต้องทำตามเงื่อนไข 4 ข้อ ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า รัฐบาลไทยไม่มีทางจะย่อหย่อนต่อกัมพูชาอย่างแน่นอน
กองทัพแจงแค่ถอนอาวุธหนัก ไม่ได้ถอนกำลัง
ด้าน พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงการถอนอาวุธหนักของไทยและกัมพูชาว่า จะถอนอาวุธหนักทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ส่วนกองกำลังป้องกันชายแดนที่วางกำลังอยู่ในพื้นที่เดิมอยู่แล้ว ไม่มีการถอนกำลังใด ๆ ยังปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิม
ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ฝ่ายไทยเสนอพื้นที่นำร่อง 13 พื้นที่ ที่ผ่านมาดำเนินการไปแล้วบางส่วน แม้จะถูกขัดขวางจากกัมพูชาบ้าง แต่มีกลไกลเจรจา และพูดคุย เพื่อให้บรรลุในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
สำรวจ-วางหมุดชั่วคราว บ้านหนองจาน 17 พ.ย.
ขณะที่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงการจัดการสำรวจ และจัดทำหลักเขตชั่วคราวอย่างเร่งด่วน บริเวณหลักเขตแดนที่ 42-47 พื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ว่าจะเริ่มสำรวจ เพื่อวางหมุดชั่วคราวภายในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ หลังจากนั้น จะมีการประชุม JBC อีกครั้งในช่วงต้นเดือนมกราคม ปีหน้า (2569)
4 หน่วยงานเตรียมจับมือแก้ฟอกเงิน-สแกมเมอร์
ส่วนวันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปมอบนโยบายที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.
พร้อมหารือกับ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธาน ปปง. ซึ่งได้เสนอให้ทำบันทึกความร่วมมือกับ 4 หน่วยงานหลัก คือ ปปง. กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้หน่วยงานทั้งหมดช่วยกันทำงานปราบปรามการฟอกเงิน และใช้ระบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกันปราบปรามสแกมเมอร์
