วานนี้ เวลา 19.33 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทอดพระเนตรการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน "สัตยาพาลี" รอบปฐมทัศน์
โอกาสนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายธนวพรรษ โตกระโทก ผู้แสดงเป็น "องคต" และเด็กชายรพี สิทธิชัย ผู้แสดงเป็น "องคตกุมาร" เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร, พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล รองประธานกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประธานอำนวยการโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กราบบังคมทูลรายงานการจัดแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน สัตยาพาลี เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขน เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมไทยและนาฏศิลป์อันทรงคุณค่าของชาติให้คงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป
จากนั้น ทอดพระเนตร การแสดงรำหน้าพาทย์ โดยคณะครูอาวุโส, การแสดงรำอาศิรวาทรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ, วีดิทัศน์เบื้องหลังการจัดการแสดงโขน และการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอน สัตยาพาลี บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นเรื่องราวของพญาพาลี วานร กษัตริย์แห่งเมืองขีดขิน ซึ่งเสียคำสัตย์เพราะความหลงผิด แต่ภายหลังระลึกได้จึงสำนึกและยอมรับโทษ ชี้ให้เห็นคุณของความกตัญญูและโทษของความไม่รักษาสัตย์ กล่าวถึงหน้าที่ของแต่ละบุคคลที่ต้องตั้งใจปฏิบัติงานด้วยความจงรักภักดีต่อแผ่นดินและผู้มีพระคุณ เปรียบดั่งผู้ที่มีหน้าที่ปฏิบัติงานให้บ้านเมือง ต้องมีความตั้งใจ ซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในความถูกต้อง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เป็นแบบอย่างที่ดีให้ชนรุ่นหลัง
จับเรื่องราวตั้งแต่ทศกัณฐ์แปลงกายเป็นปูยักษ์ หมายทำลายพิธีโสกันต์องคตกุมาร แต่พาลี ผู้ได้พรจากพระอิศวรปราบได้ ต่อมาทรพี บุตรทรพา โอหังไม่กตัญญู จนถูกพาลีฆ่าตายในถ้ำ ทำให้พาลีกับสุครีพน้องชายผิดใจกัน สุครีพจึงไปพึ่งพระราม และร่วมต่อสู้จนพาลีพ่าย โดยฝากฝังบ้านเมืองไว้กับพระราม ต่อมาทศกัณฐ์ ให้นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ชุบชีวิตพลยักษ์ แต่พระรามส่งหนุมานและเหล่าวานรไปทำลายพิธีได้สำเร็จ ก่อนที่กองทัพอธรรมจะพ่ายแพ้ และทศกัณฐ์ต้องถอยทัพ ย้ำให้มั่นใจว่าผู้มีจิตใจชั่วร้ายแม้จะมีอิทธิฤทธิ์ปานใด ก็ไม่สามารถดำรงตนไปได้นาน ฝ่ายผู้ยึดมั่นในธรรมะ แม้จะเผชิญอุปสรรคใด ๆ ก็จะชนะฝ่ายอธรรมเสมอ ซึ่งสร้างความประทับใจ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน และความบันเทิงให้กับผู้ชม ครบทุกอรรถรส
จากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ว่า "ไม่มีใครดู แม่จะดูเอง" นำไปสู่การจัดแสดงโขนหน้าพระที่นั่งตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนการศึกษาพัฒนาเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าโขน ให้เหมาะสมกับแบบแผนโบราณ ทรงสนับสนุนการแสดงโขนในทุกมิติ มีพระราชเสาวนีย์ให้รวบรวมครูผู้เชี่ยวชาญและศิลปิน ศึกษาค้นคว้าศาสตร์และศิลป์ที่เป็นภูมิปัญญาของการแสดงโขน และให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ฟื้นฟูจัดสร้างเครื่องแต่งกาย ศิราภรณ์ หัวโขน และเครื่องประดับขึ้นมาใหม่, ปรับปรุงวิธีการแต่งหน้าโขน ให้สวยงามเหมาะสมกับการแสดงบนเวทีสมัยใหม่, ส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา ผู้ใฝ่ใจในการแสดงโขนให้มีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดช่างฝีมือรุ่นใหม่จำนวนมาก ทั้งช่างทำหัวโขน, ช่างทอผ้า, ช่างปักสะดึงกรึงไหม, ช่างเงิน, ช่างทอง, ช่างแกะสลัก, ช่างเขียน และช่างแต่งหน้าโขน โดยเน้นศิลปะและจารีตนิยมของโขนอย่างถ่องแท้ ส่งเสริมให้ครูผู้เชี่ยวชาญฝึกฝนเยาวชนรุ่นใหม่ เพื่อสืบทอดการแสดงโขนต่อไป
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขนในทุกมิติ เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ จนองค์การยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียนการแสดงโขนของประเทศไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ประเภท รายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561
ภายหลังจบการแสดง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้กำกับการแสดง, ผู้กำกับศิลป์ ฉาก และอุปกรณ์การแสดง, ผู้แทนผู้เชี่ยวชาญและครูฝึกซ้อมการแสดง (โขนพระ), ผู้แทนผู้เชี่ยวชาญและครูฝึกซ้อมการแสดง (ละครนาง) และผู้แทนนักแสดง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานช่อดอกไม้
การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน "สัตยาพาลี" จะจัดแสดงระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน ถึง 8 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศ