วันนี้ (6 พ.ย. 68) จากสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทางกรมชลประทานได้มีการแจ้งการปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิม ในอัตรา 2,600 ลบ.ม.ต่อวินาที ไปเป็น 2,700 ลบ.ม.ต่อวินาที
โดยในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมานี้เป็นถือเป็นการเพิ่มการระบายอย่างเร็วเพิ่มระบายรายวันเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝน และน้ำท่า มีการปรับเพิ่มการระบายรายวัน ทำระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อวันประมาณ 20-30 ซม. เตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และยกของขึ้นที่สูง อพยพไปอยู่ที่ปลอดภัยโดยด่วน
ล่าสุด ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,965 ลบ.ม.ต่อวินาที ที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 17.21 เมตรต่อรทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 16.13 เมตรต่อรทก. ห่างจากตลิ่ง 21 ซม.
สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้เข้าสู่ภาวะวิกฤตสูงสุดอีกครั้ง คันดินและแนวกระสอบทรายแตก น้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็วและแรง ส่งผลให้ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ถูกน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนเป็น ครั้งที่ 3 ในรอบปี ถือว่าหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ทางด้านเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจังหวัดชัยนาท เร่งขนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นชั้น 2 ของบ้าน เป็นครั้งที่ 3 เพื่อให้ผู้ป่วยอยู่ในที่ปลอดภัย และสำหรับบ้านชั้นเดียวได้นำส่ง รพ.สรรพยา เป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลาย
ทางด้านนายภิรมย์ โถสุวรรณ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลโพนางดำออก เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ คันกั้นน้ำที่เป็นกระสอบทรายบริเวณหมู่ 7 ไม่สามารถรองรับได้ และพังทลายลง ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมหมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 อย่างรวดเร็ว
ทำให้พื้นที่ตำบลโพนางดำออกถูกน้ำท่วมเต็มทั้งพื้นที่ ทุกหมู่บ้าน (หมู่ 1-7) ยกเว้นหมู่ 8 เพียงหมู่เดียว รวมกว่า 2,000 ครัวเรือน ต้องอพยพขึ้นไปพักอาศัยริมถนนคันคลองมหาราชอีกเป็น ครั้งที่ 3 ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นตอนนี้เขาทำใจอย่างเดียวเท่านั้น ชาวบ้านบอกว่าจะให้น้ำขึ้นเท่าไรก็ปล่อยมาได้เลยเต็มที่