จากเหตุการณ์ปาประทัดและลอบวางเพลิงบริเวณลานจอดรถโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ เมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค. 68 เวลา 21.40 น. ต่อเนื่องวันที่ 1 พ.ย. 68 เวลา 0140 เป็นเหตุให้มีรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย 2 คัน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุพบผู้ต้องสงสัยเป็นชายลักษณะสูงใหญ่ใช้ประทัดขว้างใส่บริเวณลานจอดรถหลังห้องเอกซเรย์ ในลักษณะก่อกวน และได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป และในคืนเดียวกันได้กลับมาก่อเหตุอีกครั้ง โดยจุดไฟเผาป้ายอะคริลิกที่แขวนระบุชื่อเจ้าของช่องจอดรถ ทำให้ป้ายละลายเปลวเพลิงหล่นลงมาใส่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ นั้น
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการด่วนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบ
ล่าสุด วานนี้ (5 พ.ย. 68) พันเอก วัชรกร อ้นเงิน โฆษกกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า นายทหารฝ่ายการสารวัตร กองทัพภาคที่ 4/ หัวหน้าชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เข้าจับกุม นายปริวรรต อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 630/2568 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นและทำให้เสียทรัพย์ โดยผู้ต้องหารายนี้ปรากฏเป็นบุคคลในกล้องวงจรปิดและเป็นผู้ก่อเหตุใช้ปะทัดขว้างใส่ และวางเพลิงลานจอดรถโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ เมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค. 68 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้ในพื้นที่หมู่ 5 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ที่ใช้ในการก่อเหตุ
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายปริวรรต เป็นอดีตทหารกองประจำการ ผลัด 2/62 สังกัดกองร้อยกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งขาดหนีราชการไปจากหน่วย เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 64 และเคยมีประวัติเสพสารเสพติด ขณะจับกุมมีอาการพูดจาวกวน สันนิษฐานว่าอาจอยู่ในภาวะหลอนจากยาเสพติดหรือมีอาการทางจิตเวช ซึ่งเจ้าตัวเคยมีประวัติเข้ารับการรักษาอาการจิตเวชที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช มาแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวน เพื่อหาสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุที่แท้จริง สำหรับเหตุการณ์นี้ ได้สร้างความไม่สบายใจแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่มาใช้บริการโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ
อย่างไรก็ตาม กองทัพภาคที่ 4 ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า ผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้มารับบริการเป็นสำคัญ และได้ดำเนินการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในทุกมิติ ทั้งด้านบุคลากร ระบบเฝ้าระวัง และการประสานงานร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่ให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันเหตุในลักษณะเดียวกัน พร้อมขอความร่วมมือจากผู้มารับบริการให้ปฏิบัติตามระเบียบและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากตรวจพบสิ่งผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน กรุณาแจ้งได้ที่เบอร์ 075383207 หรือหน่วยทหารในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้