“ศุภจี” สั่งลุยตลาดจีน ดันสินค้าไทย ต้องไปได้เร็ว ไปได้ใหญ่กว่าเดิม

“ศุภจี” สั่งลุยตลาดจีน ดันสินค้าไทย ต้องไปได้เร็ว ไปได้ใหญ่กว่าเดิม

View icon 133
วันที่ 6 พ.ย. 2568 | 10.59 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“ศุภจี” มอบนโยบายผู้อำนวยการสำนักงานในจีนทั้ง 9 แห่ง ถอดรหัสแผนพัฒนาเศรษฐกิจจีนฉบับที่ 15 เดินหน้าขยายส่งออกสินค้าไทย เจาะตลาดใหม่ตามเทรนด์โลก

หลังประชุมมอบนโยบายแก่ผู้อำนวยการสำนักงานในประเทศจีน ของกระทรวงพาณิชย์ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) 8 แห่ง ได้แก่ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ชิงต่าว เซี่ยเหมิน เฉิงตู คุนหมิง และหนานหนิง ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้แล้ว

ล่าสุด (5พ.ย.68) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จีนยังคงเป็นตลาดอันดับหนึ่งของไทย โดยมีมูลค่าการค้าไทย–จีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) สูงถึง 108,639.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.08% โดยเป็นมูลค่าการส่งออกของไทย 30,667.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.13% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าไทยในตลาดจีนที่ยังเติบโตได้อีกมาก

โลกการค้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญกับนวัตกรรม คุณภาพ และความยั่งยืน ไม่ใช่ราคาถูกอีกต่อไป ทูตพาณิชย์ของเราจึงต้องเข้าใจและวิเคราะห์ให้ได้ว่า แต่ละมณฑลของจีนมีโอกาสและความท้าทายอย่างไร เพื่อกำหนดกลยุทธ์เจาะตลาดที่ตรงจุด

ผู้อำนวยการสำนักงานในประเทศจีนของกระทรวงพาณิชย์ ได้นำเสนอโอกาสและความท้าทายในจีนของแต่ละภูมิภาค และนำเสนอโอกาสและสินค้าเป้าหมายของไทยในจีน 5 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร – ข้าว ผลไม้ไทย เช่น ทุเรียน มะม่วง มังคุด รวมถึงอาหารแปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน และเครื่องปรุงรส
2.กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง – อาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง เพื่อตอบรับกระแสรักสัตว์ในสังคมเมืองของจีน
3.กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม – รังนก โปรตีนจากพืช น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์สปา และบริการสุขภาพ
4.กลุ่มสินค้ารักษ์โลกและความยั่งยืน – บรรจุภัณฑ์ย่อยสลาย เครื่องสำอางออร์แกนิก เสื้อผ้ารีไซเคิล ของตกแต่งบ้านจากวัสดุธรรมชาติ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
5.กลุ่มสินค้านวัตกรรมและดิจิทัลคอนเทนต์ – สินค้าทรัพย์สินทางปัญญา ภาพยนตร์ เกม และแอนิเมชัน

ทั้งนี้ นางศุภจี ได้ให้แนวนโยบายในการหาคู่ค้าในจีน และเน้นขายสินค้าให้สอดคล้องตามเงื่อนไข รวมถึงความต้องการของตลาด เพื่อให้สินค้าไทยไปได้เร็ว ไปได้ใหญ่กว่าเดิม

“การทำงานต่อจากนี้จะไม่หยุดแค่การเจรจาจับคู่ธุรกิจหรือหาผู้กระจายสินค้า แต่ต้องก้าวไปอีกขั้น คือการสร้างพันธมิตรลงทุนร่วมกัน (Joint Venture) ระหว่างเอกชนไทยและจีน เพื่อร่วมพัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคของจีน”
นางศุภจี กล่าว

นอกจากนี้ นางศุภจี ยังกำชับเรื่องการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ภายใต้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 ที่นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศ ในพิธีเปิดงานแสดงสินค้า China International Import Expo 2025 (CIIE 2025) โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว นวัตกรรม เทคโนโลยี และการเพิ่มรายได้ของชนชั้นกลาง

“เราจะถอดรหัสแผนพัฒนา 5 ปีของจีนเพื่อดูว่า ไทยสามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุดไหน เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ อาหารสุขภาพ เกม และสินค้าดิจิทัล เพราะจีนกำลังต้องการขยายกลุ่มประชากรที่มีรายได้ปานกลางจาก 400 ล้านคน เป็น 800 ล้านคน นั่นหมายถึงตลาดขนาดมหาศาลที่ไทยต้องเข้าให้ถึง” นางศุภจี กล่าว

นอกจากนี้ ยังต้องรับฟังความเห็น ข้อเสนอแนะ เพื่อแก้ปัญหา และขจัดอุปสรรคของภาคเอกชนด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง