“รังสิมันต์“ ผิดหวังท่าที “นายกฯ อนุทิน” ปราบสแกมเมอร์ สวนทางบอกเป็นวาระแห่งชาติ จี้ ปลด “ธรรมนัส” ออกจาก ครม. บอกสังคมรับไม่ได้กับพฤติกรรม ส่งผลรัฐบาลขาดความเชื่อมั่น ยันข้อมูลที่มีเอาผิดได้ทุกระดับ พร้อมยื่นซักฟอกหากฝ่ายค้านคุยกัน
วันนี้ (6 พ.ย.68) นายรังสิมันต์ โรม สส. พรรคประชาชน ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามปัญหาสแกมเมอร์ ว่า หลายประเทศมีความคืบหน้า แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความคืบหน้าน้อยที่สุด แต่ถ้านายกรัฐมนตรีเอาจริง ตนเชื่อว่าหน่วยงานหลายหน่วยงานพร้อมทำหน้าที่ ปัญหาขณะนี้ที่หน่วยงานเกียร์ว่างไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ตนไม่มั่นใจว่าเพราะไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีข้อมูล หรือเป็นเพราะเชื่อมถึงใครหรือไม่ แต่ก็เริ่มเห็นการเริ่มนับหนึ่งในบางกรณี แต่ในกรณีของปริ้นกรุ๊ป แทบจะไม่มีความคืบหน้าเลย จึงต้องยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องพวกนี้จริงๆ
“ต้องยอมรับว่าวันเวลาผ่านไป สังคมไทย เราคอยคำตอบและพยายามอยู่หลายครั้ง ก็ชัดเจนว่าความน่าสงสัยของการเชื่อมโยงระหว่างร้อยเอกธรรมนัสกับแก๊งสแกมเมอร์เพิ่มขึ้น ซ้ำรอยกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เข้าไปอีก จึงคิดว่าสังคมไทยไม่น่าจะยอมให้ร้อยเอกธรรมนัสได้ไปต่อในฐานะรองนายกรัฐมนตรี แต่ก็ขึ้นอยู่กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ถ้านายอนุทินไม่ทำอะไร สังคมไทยก็จะตั้งคำถามกลับมายังนายอนุทินเช่นเดียวกัน
”ก็อยู่ที่คุณอนุทินว่าตกลงจะเอาอย่างไร จะปราบสแกมเมอร์อย่างไร และก่อนที่จะปราบสแกมเมอร์ ก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นปราบรัฐมนตรีสีเทาทั้งหลายที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีนี้ก่อนเลย“ นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าผิดหวัง กับท่าทีของนายอนุทินและยอมรับว่าคาดหวังมากกว่านี้ การที่นายอนุทินไม่ดำเนินการอะไร เป็นท่าทีที่น่าผิดหวังมากแล้ว สวนทางกับสิ่งที่พูด ที่บอกว่านี่คือวาระแห่งชาติ เป็นวาระแห่งชาติได้อย่างไรในเมื่อการแก้ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นเลย และยังไม่นับว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง กับทางกรรมาธิการในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ พร้อมทั้งคำถามถึงนายอนุทิน ว่าอะไรคือรูปธรรมของการแก้ปัญหา อะไรที่บอกว่าเป็นรูปธรรมของการเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ เพราะไม่มีความชัดเจนในเรื่องเหล่านี้เลย วันนี้อาจจะมีการทำเอ็มโอยูกับสหรัฐฯ แต่จะมีเอ็มโอยูหรือไม่ก็ไม่มีความหมาย เพราะเป็นเพียงพิธีการเท่านั้น แต่สิ่งที่อยากเห็นคือรูปธรรมของการทำงาน ในเรื่องความคืบหน้าของความเกี่ยวโยงกันในแต่ละบุคคล ซึ่งใครเกี่ยวข้องอย่างไรต้องเอาข้อเท็จจริงมาตรวจสอบสุดท้ายพยานหลักฐานที่สำคัญคือเส้นเงิน
เมื่อถามว่า คาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะแนะนำให้ร้อยเอกธรรมมนัส ลาออกเพื่อตรวจสอบตนเองหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การตรวจสอบมีสองระดับ คือ 1.การตรวจสอบทางการเงิน ตนเองเป็นกรรมาธิการการตรวจสอบทางการเมืองไม่ได้หมายความว่าต้องผิด 100% หรือถูก 100% การตรวจสอบทางการเมืองแค่มีเพียงข้อบ่งชี้ ว่าถ้าให้คนเหล่านี้อยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปจะสร้างความเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน นี่คือเหตุเพียงพอแล้วในการตรวจสอบ และ 2.การตรวจสอบทางกฎหมาย เป็นขั้นตอนทางกฎหมายซึ่งหน่วยงานที่มีหน้าที่หรืออำนาจต้องเป็นคนดำเนินการ ดังนั้นสิ่งที่กรรมาธิการทำได้คือรวบรวมพยานหลักฐานของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อส่งให้หน่วยงาน แต่ทั้งสองการตรวจสอบแม้แยกกันทำงานแต่สามารถเดินคู่ขนานกันไปได้
“จริงๆแล้วเราไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ร้อยเอกธรรมนัสลาออก เราคาดหวังให้นายกรัฐมนตรีปลดออกจาก คณะรัฐมนตรีเลย นี่คือความคาดหวังของเราไม่ใช่เรื่องของการแสดงสปิริตแล้ว แต่เป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่ผ่านมาในทุกรูปแบบและส่อนัยอย่างชัดเจนว่าคนๆ นี้ไม่สามารถให้อยู่ต่อไปในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีได้ ไม่เช่นนั้นจะสร้างความเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน”นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าข้อมูลที่มีจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ ถ้าต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่าพวกเราพร้อมอยู่แล้ว ข้อมูลหลายอย่างเอาไปใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ และพร้อมพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการพูดคุย ส่วนหนึ่งก็มาจากกลไกวิปฝ่ายค้านดำเนินการได้อย่างที่ควรจะเป็น เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้เข้าร่วมกับวิป นี่ยังเป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่จบ ดังนั้นหากจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจมีเสียงของฝ่ายค้าน 280 กว่าเสียง ถ้ายื่นไปแล้วไม่สำเร็จก็น่าเสียดาย ดังนั้นกลไกของการพูดคุยระหว่างพรรคฝ่ายค้าน มีความสำคัญมาก สุดท้ายจะจบอย่างไร
“ผมยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้สามารถเอาผิด โดยเฉพาะทางการเมืองกับบุคคลต่างๆได้เอาผิดในการขยายผลเครือข่ายต่างๆหรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายการเมืองเท่านั้น แต่อดีตที่เป็นนายกฯ ที่เป็นรัฐมนตรี นักการเมืองต่างๆ ก็สามารถดำเนินการได้ ต้องยอมรับว่าฝ่ายการเมืองข้าราชการประจำเละเทะ ตำรวจที่มีการแฉออกมาไปเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน 200 คน กระทั่งคนที่มีหน้าที่ปราบเว็บพนันเข้าไปเกี่ยวข้อง กับการรับส่วยเว็บพนัน ดังนั้นต้องยอมรับว่ากลไกต่างๆ แทบจะไม่เหลืออะไรให้เราเชื่อมั่นแล้ว สิ่งที่พวกผมทำได้ในฐานะที่ยังมีเวลาทางการเมืองที่จะนับถอยหลังไปทุกๆวันเราก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหา” นายรังสิมันต์ กล่าว