เช้านี้ที่หมอชิต - ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งการให้ทุกเขต เฝ้าระวังแนวกระสอบทราย และชุมชนที่อยู่นอกแนวกระสอบทราย ที่ยังเสี่ยงกับน้ำท่วมไปจนถึงสัปดาห์หน้า
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำยังน่าเป็นห่วง ไปจนถึงสัปดาห์หน้า ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ถึง 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประกอบกับช่วงนี้มีน้ำทะเลหนุน จากอิทธิพลพายุในทะเลจีนใต้ และมีฝนตกลงมาในพื้นที่ แต่น่าจะลดลงหลังจากนี้เพราะอิทธิพลความกดอากาศสูง ได้ดันฝนลงไปตกทางใต้ของกรุงเทพมหานคร แต่ได้สั่งการให้เฝ้าระวังเรื่องความแข็งแรงของกระสอบทราย รวมถึงดูแลชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ เช่น ชุมชนโรงสี ชุมชนวัดเทวราชกุญชร ที่อาจมีน้ำรั่วซึมเข้ามาได้ และในจุดก่อสร้าง ที่หลายจุดมีการทิ้งเศษวัสดุก่อสร้างลงไปในท่อระบายน้ำ
ที่บริเวณท่าน้ำปากเกร็ด ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นติดต่อกันมาหลายวัน ซึ่งเมื่อวานนี้ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นมาอีก 10 เซนติเมตร จากการที่เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำเหนือลงมา เจ้าหน้าที่เทศบาลนครปากเกร็ด ได้นำกระสอบทราย เข้าไปเติมจากของเติมให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันระดับน้ำน้ำที่คาดว่าอาจจะสูงขึ้นอีก ในช่วงที่จะมีน้ำทะเลหนุนหลังจากนี้ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนอย่ารื้อกระสอบทรายออก
ส่วนที่บริเวณจุดที่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เกิดแรงดันทะลุใต้ถนนที่ใช้เป็นแนวกั้นน้ำของพื้นที่อำเภอสามโคก ฝั่งตะวันออก ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เมื่อคืนวันก่อน
เมื่อวาน นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้ลงพื้นที่ เพื่อติดตามสถานการณ์ เปิดเผยว่า สาเหตุมาจากจุดวางท่อรอดใต้ถนนมีน้ำกัดเซาะเข้ามาได้ ซึ่งได้นำแผ่นเหล็กมาปิดกั้น ก่อนใช้เทคนิคในการอัดคอนกรีตเข้าไปเพื่อเสริมความแข็งแรงของถนนที่เป็นแนวกันน้ำไว้ ไม่ให้น้ำกัดเซาะถนนได้ ส่วนการแก้ไขได้มีการวางแผนซ่อมแซมและมีการห้ามรถบรรทุกผ่านในเส้นทาง
ขณะที่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าบ้านเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วมสูงกว่า 1.30 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือพายเข้าออกบ้าน มานานเกือบ 3 เดือน ทำให้ชาวบ้านเริ่มเครียด เพราะระดับน้ำไม่มีทีท่าว่าจะลดลง และเมื่อวานระดับน้ำยังสูงขึ้นอีก
