ชาวบ้านจันทบุรีร้องดีเอสไอ ขอรับคดีบุกรุกเขาบ่อทองเป็นคดีพิเศษ หวั่นตกเป็นแพะ แฉขบวนการสร้างพยานเท็จ เอื้อผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ พร้อมร้องอัยการสูงสุด ขอความเป็นธรรม ให้สอบสวนเพิ่มเติม
วันนี้ (7 พ.ย. 68) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ (DSI) นายสุวรรณ บัวโรย ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว นายจรัส คุ้มไข่น้ำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี นำผู้ร้องในคดีบุกรุกเขาบ่อทอง จ.จันทบุรี เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้รับเรื่องเป็นคดีพิเศษ และให้ความคุ้มครองพยาน หลังเกรงว่าจะตกเป็นแพะรับบาป
สำหรับผู้ร้องทั้งสองคน คือ นางอมรรัตน์ และ นายวีระเดช ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันแผ้วถางและทำไม้หวงห้ามในพื้นที่ป่า” ตามคดีอาญาที่ 31/2568 สภ.มะขาม จ.จันทบุรี ทั้งคู่ยืนยันว่าเป็นเพียงผู้รับซื้อไม้ยางพาราในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ ภ.บ.ท.5 โดยก่อนตัดไม้ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจสอบแล้ว ซึ่งยืนยันว่าอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ต่อมาเกิดกรณีข่าวบุกรุกเขาบ่อทอง มีภาพรถแกโฮขุดถางป่าในพื้นที่ ซึ่งผู้ร้องระบุว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่กลับถูกดำเนินคดีแทนผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
ขณะเดียวกัน ผู้ร้องยังเผยข้อพิรุธในชั้นสอบสวนว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้โทรศัพท์มาขอให้หาเลื่อยยนต์เก่า เพื่อมาใช้เป็นของกลางในคดี ซึ่งต่อมากลับถูกใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้ร้องเอง
นายสุวรรณ เปิดเผยว่า ผู้ร้องทั้งสองคนเพียงทำการซื้อไม้ยางพาราตามขั้นตอนถูกต้อง แต่กลับถูกพาดพิงและตกเป็นผู้ต้องหาแทนบุคคลอื่น ขณะนี้มีพยานหลักฐานหลายชิ้นที่ชี้ชัดว่า ผู้กระทำตัวจริงเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างพยานเท็จ
ต่อมาเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน นายสุวรรณ พร้อมผู้ร้องได้เดินทางไปยัง สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม และขอให้พนักงานอัยการจังหวัดจันทบุรีสอบสวนเพิ่มเติมในคดีดังกล่าว ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143
ทั้งนี้ นายสุวรรณ บอกด้วยว่า การยื่นเรื่องครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาโจมตีหน่วยงานใด แต่เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างโปร่งใส และให้ผู้บริสุทธิ์ได้รับความเป็นธรรม พร้อมทั้งขอให้ดีเอสไอพิจารณารับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ และให้ความคุ้มครองพยานอย่างเร่งด่วน