Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 7 พ.ย.68
1.พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” อ่อนกำลัง หลังขึ้นฝั่งเวียดนาม
พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี (Kalmaegi) เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางตอนกลางของเวียดนามแล้ว เมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ (6 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีฝนตกหนัก กระแสลมแรง ต้นไม้หักโค่น บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย และไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ก่อนที่พายุจะเริ่มอ่อนกำลังลง โดยทางการเตือนว่าจะยังคงมีฝนตกหนักเป็นปริมาณราว 200 มิลลิเมตร ในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ตั้งแต่จังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ไปจนถึงจังหวัดกว๋างจิ (Quang Tri)
ขณะเดียวกัน มีรายงานสนามบิน 6 แห่ง ปิดทำการชั่วคราว เที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวบินถูกยกเลิก ประชาชนกว่า 260,000 คน ต้องอพยพ และทางการสั่งเตรียมพร้อมกำลังทหารกว่า 268,000 นาย ไว้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เบื้องต้นมีรายงานเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน
ส่วนที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งถูกพายุไต้ฝุ่นคัลแมกีพัดถล่มตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ล่าสุด ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 188 คนแล้ว และมีผู้บาดเจ็บ 96 คน สูญหายอีก 135 คน โดยจังหวัดเซบูได้รับผลกระทบหนักสุด และวานนี้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ประกาศภาวะ "ภัยพิบัติระดับชาติ" จากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่นคัลแมกี พร้อมเตรียมรับมือกับพายุไต้ฝุ่นฟงวอง (Fung-wong) ที่คาดว่าจะพัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
2.กัมพูชา ยืนยัน พรุ่งนี้ เริ่มถอนอาวุธหนัก ช่วง 2 ของเฟสแรก
พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา แถลงว่า กัมพูชาและไทยจะเริ่มดำเนินการถอนอาวุธหนักตามแนวชายแดน ช่วงที่ 2 ของเฟสแรก ในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย. 68) ภายใต้การตรวจสอบของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) หลังจากการถอนอาวุธช่วงที่ 1 เสร็จสิ้น เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยในการประชุม RBC เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างเป็นระยะ ๆ โดยเฟสแรกมี 3 ช่วง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-21 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อลดความตึงเครียดและเสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
3.สื่อนอกแฉ Meta รับเงินโฆษณาหลอกลวงเกือบ 5.2 แสนล้าน
สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) เปิดเผยรายงานพิเศษข้อมูลจากเอกสารภายในของ Meta บริษัทแม่ของ Facebook, Instagram และ WhatsApp ที่เผยให้เห็นถึงตัวเลขคาดการณ์รายได้ในปี 2567 ซึ่งรายได้ราว 10% จากรายได้รวมทั้งปี หรือราว 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเกือบ 520,000 ล้านบาท มาจากค่าโฆษณาของสแกมเมอร์ ทั้งการหลอกลงทุน, การพนันออนไลน์, ยาผิดกฎหมาย และสินค้าต้องห้าม โดยในช่วงอย่างน้อย 3 ปี Meta ล้มเหลวในการระบุตัวตนและสกัดโฆษณาที่มีจำนวนมหาศาลเหล่านี้
เอกสารยังชี้ให้เห็นว่า ในแต่ละวันผู้ใช้งานแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ Meta เห็นโฆษณาหลอกลวงมากถึง 15,000 ล้านรายการ ที่บริษัทจัดอยู่ในกลุ่ม "โฆษณาความเสี่ยงสูง" (High Risk Ads) หรือโฆษณาที่มีสัญญาณชัดเจนว่าเป็นการหลอกหลวง ซึ่งเอกสารอีกฉบับระบุว่า Meta รับรายได้จากโฆษณาหลอกลวงมากถึงปีละ 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 226,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ แม้ระบบเตือนภายในอัตโนมัติของ Meta จะตรวจพบผู้ลงโฆษณาที่น่าสงสัยได้ แต่บริษัทจะสั่งแบนเฉพาะกรณีที่มั่นใจอย่างน้อย 95% ว่าเป็นมิจฉาชีพจริง ส่วนกลุ่มที่มีลักษณะต้องสงสัยแต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นมิจฉาชีพจริง Meta เลือกวิธีคิดอัตราค่าโฆษณาที่แพงขึ้นเป็นค่าปรับแทนการลบโฆษณาออกจากระบบ และผู้ใช้งานที่คลิกโฆษณาหลอกลวงมีแนวโน้มที่จะเห็นโฆษณาเหล่านั้นมากขึ้น เนื่องจากระบบปรับแต่งโฆษณาของ Meta ที่พยายามแสดงโฆษณาตามความสนใจของผู้ใช้
ขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกกำลังผลักดัน Meta ให้ดำเนินการมากขึ้นเพื่อปกป้องผู้ใช้จากการฉ้อโกงออนไลน์ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) กำลังสอบสวน Meta เรื่องโฆษณาหลอกลงทุน ส่วนหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคของสหราชอาณาจักรระบุว่า ในปี 2566 กว่า 54% ของความเสียหายจากการฉ้อโกงออนไลน์ในประเทศ มาจากแพลตฟอร์มของ Meta ซึ่งมากกว่าทุกแพลตฟอร์มอื่น ๆ รวมกันกว่า 2 เท่า
อย่างไรก็ตาม Meta ชี้แจงว่า ตัวเลขที่สำนักข่าวรอยเตอร์นำมาเปิดเผยเป็นการประเมินแบบ "เกินจริง" และเป็นข้อมูลเพียงบางส่วน และยืนยันว่าบริษัทได้ลงทุนเพิ่มในระบบตรวจจับการหลอกลวงและรับมือกับพวกสแกมเมอร์ โดยในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้รับรายงานจากผู้ใช้งานทั่วโลกเกี่ยวกับโฆษณาหลอกลวงลดลงได้ถึง 58% และในปี 2568 ได้ลบโฆษณาหลอกลวงแล้วกว่า 134 ล้านรายการ
4.แขกทำเนียบขาวเป็นลม ขณะแถลงข่าวร่วมกับ “ทรัมป์”
ในระหว่างการแถลงข่าวแผนการลดราคายาลดน้ำหนักที่ห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว วานนี้ (6 พ.ย.) จู่ ๆ แขกคนหนึ่งก็เป็นลมล้มลงไปกับพื้น ทำเอาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนงงกันเลยทีเดียว ขณะที่แขกคนอื่น ๆ ที่สังเกตเห็นอาการของคนที่เป็นลมก็พากันช่วยเข้าไปประคอง ก่อนที่หน่วยแพทย์ประจำทำเนียบขาวจะรีบรุดเข้าไปตรวจอาการ
ด้านโฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า แขกคนดังกล่าวเป็นตัวแทนของหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมโครงการแผนการลดราคายาลดน้ำหนักครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่าอาการของเขาปลอดภัยดีและกำลังอยู่ระหว่างการพักฟื้น
ทั้งนี้ การแถลงข่าวต้องหยุดลงชั่วขณะก่อนจะกลับมาเริ่มการแถลงข่าวต่ออีกครั้งหลังจากนั้นไม่นั้น แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลหรือสาเหตุที่นำไปสู่เหตุการณ์ดังกล่าว
5.เหตุระเบิดที่มัสยิดในโรงเรียนอินโดนีเซีย เจ็บกว่า 50 คน
ช่วงเวลาประมาณ 12 นาฬิกา 30 นาที วันนี้ (7 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นของอินโดนีเซีย เกิดเหตุระเบิดในช่วงระหว่างการทำพิธีละหมาดที่มัสยิด ภายในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง ทางตอนเหนือของกรุงจาการ์ตา มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 54 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน ทั้งหมดถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน อาการบาดเจ็บที่พบมีตั้งแต่บาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงอาการสาหัสและบาดแผลไฟไหม้ แต่ตัวอาคารมัสยิดไม่ได้รับความเสียหายรุนแรงแต่อย่างใด
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดล้อมมัสยิดดังกล่าวอย่างเข้มงวด ส่วนสาเหตุการระเบิดยังอยู่ระหว่างการสอบสวน