ข่าวภาคค่ำ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยัน กัมพูชาต้องทำตามข้อตกลง 2 ข้อ คือ การถอนอาวุธหนัก และไม่ขัดขวางไทยเก็บกู้ทุ่นระเบิด ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำไม่มีแรงกดดันจากต่างชาติ
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า เท่าที่ทราบ ได้รับรายงานว่า จะปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ แต่ขอให้ฝ่ายทหารยืนยันอีกครั้ง
ซึ่งการปล่อยตัวเป็นไปตามเงื่อนไขที่ไทยกำหนดไว้ คือ การเคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกจากชายแดน
และการเปิดพื้นที่ ให้ไทยเข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิด โดยไม่ได้มีข้อแลกเปลี่ยนอะไร และไม่ได้มีแรงกดดันจากต่างชาติ
ขณะที่พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า ตอนที่ นายกรัฐมนตรี ไปลงนามในถ้อยแถลงไทย-กัมพูชา และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปล่วงหน้า
ได้พูดคุยเรื่องนี้กับ กัมพูชา รวมทั้งประเทศที่เป็นพยานว่า อยากให้ปล่อยตัวเชลยศึก เพราะเป็นเรื่องมนุษยธรรม ไทยจึงต่อรองว่า ขอให้กัมพูชา ดำเนินการ 4 ข้อให้เป็นรูปธรรมก่อน
ภายหลัง นายกฯ ลงนาม ได้ให้กองทัพไปคุยกัน จนมีข้อตกลงกันว่า การถอนอาวุธหนัก และเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นเรื่องที่สำคัญ จึงอยากให้ทำเฟสแรกให้สำเร็จ แล้วจึงมาพูดคุยเรื่องปล่อยเชลยศึก
ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไทยเสนอไป 13 พื้นที่ แต่ในระดับพื้นที่พูดคุยกันต่อรอง จนกัมพูชายอมให้เข้าไปเก็บกู้เหลือ 5 พื้นที่
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า จะปล่อยตัวเชลยศึกในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ เป็นการคาดการณ์ว่า น่าจะมีการปล่อยตัว แต่จะต้องดูอีกครั้งว่า กัมพูชาทำตามข้อตกลงในเฟสที่หนึ่งหรือไม่
แต่ถ้าวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ยังถอนอาวุธหนักในเฟสหนึ่งไม่หมด ก็จะไม่ปล่อยเชลยศึก รวมถึงต้องให้ไทยเข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 5 พื้นที่ ที่รับปากไว้ได้ หากกัมพูชาทำตามข้อตกลง 2 ข้อ ไทยก็จะปล่อยเชลยศึก
พลเอก ณัฐพล ระบุอีกว่า เบื้องต้น เมื่อกัมพูชาทำตามข้อตกลง 4 ข้อ รวมถึงข้อที่ 5 คือ การสร้างรั้วชายแดน จากนั้นจะมาเก็บรายละเอียด เช่น ปราสาทตาควาย ปราสาทคนา พร้อมขอความเห็นใจ เพราะเหตุเกิดขึ้นสะสมมา 15 ปีแล้ว ปัจจุบันกำลังจะแก้ไข ขอให้เวลานิดหนึ่ง
แต่อีกมาตรการที่จะไม่แตะ คือ การเปิดด่านจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
มีรายงานว่า หากกัมพูชาถอนอาวุธหนัก ภายในวันที่ 10 พฤศจิกายนจริง และไม่ขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ฝ่ายไทยจะส่งตัวเชลยศึกทั้ง 18 คนให้กัมพูชา ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 12 พฤศจิกายน
โดยก่อนส่งตัวจะมีขั้นตอนการตรวจร่างกาย และมีเจ้าหน้าที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC รวมถึงคณะผู้แทนอาเซียน หรือ AOT ฝ่ายไทย มาสังเกตการณ์
ล่าสุด เชลยศึกกัมพูชา 7 คน ร้องขอทําฟันทั้งปากให้เสร็จ ก่อนส่งตัวกลับ คาดว่า มีรายจ่ายคนละประมาณ 10,000 บาท ผู้บังคับบัญชา จึงแจ้งให้เชลยศึกกลับไปทำฟันที่บ้านของตัวเอง