ไทยขอดูความจริงใจ ก่อนปล่อยเชลยศึก

View icon 40
วันที่ 8 พ.ย. 2568 | 05.08 น.
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์
แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - "บิ๊กเล็ก" ยืนยันว่า กัมพูชาต้องถอนอาวุธหนัก และไม่ขัดขวางไทยเก็บกู้ทุ่นระเบิด ถ้าทำตาม 2 ข้อนี้ได้เร็ว ก็พร้อมจะปล่อยตัวเชลยศึก ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้

เมื่อวาน พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาชี้แจงถึงกระแสข่าวการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชาว่า เรื่องเกิดขึ้นตอนที่นายกรัฐมนตรีไปลงนามในถ้อยแถลงไทย-กัมพูชา และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปล่วงหน้า

ฝ่ายกัมพูชา อยากให้ปล่อยตัวเชลยศึก เพราะเป็นเรื่องมนุษยธรรม แต่ไทยต่อรองว่า ขอให้กัมพูชาดำเนินการ 4 ข้อให้เป็นรูปธรรมก่อน

ภายหลังนายกฯ ลงนาม ได้ให้กองทัพไปคุยกันอีกครั้ง และมีข้อตกลงร่วมกันว่า การถอนอาวุธหนัก และเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นเรื่องที่สำคัญ จึงอยากให้ทำเฟสแรกก่อน แล้วค่อยมาพูดคุยเรื่องปล่อยเชลยศึก

โดยเฉพาะการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไทยเสนอไป 13 พื้นที่ แต่ในระดับพื้นที่พูดคุยต่อรอง จนกัมพูชายอมให้เข้าไปเก็บกู้เหลือ 5 พื้นที่

ดังนั้น กำหนดปล่อยตัวเชลยศึกในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ จึงแค่เป็นเรื่องของการคาดการณ์ว่า "น่าจะปล่อย" ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่กัมพูชาว่าจะทำตามข้อตกลงในเฟสแรกหรือไม่

แต่ถ้าถึงวันครบกำหนด ยังถอนอาวุธหนัก และยังเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 5 พื้นที่ ที่รับปากไว้ไม่หมด การปล่อยตัวเชลยศึกเป็นอันยกเลิก

นอกจากข้อตกลงทั้ง 4 ข้อแล้ว ยังต้องตามมาอีก 1 ข้อ คือ การสร้างรั้วชายแดน ที่จำเป็นต้องลงรายละเอียด เช่น ที่ปราสาทตาควาย ปราสาทคนา เพราะเป็นข้อพิพาทที่เรื้อรังมานาน กว่า 15 ปีแล้ว
 
สิ่งหนึ่งที่ "บิ๊กเล็ก" จะไม่แตะ คือ การพิจารณาเปิดด่าน จะต้องรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยมาคุยเรื่องนี้กัน

หากกัมพูชาทำได้อย่างที่ตกลงไว้ ไทยก็พร้อมส่งตัวเชลยศึกทั้ง 18 นาย กลับทันที โดยจะมีขั้นตอนการตรวจร่างกาย และมีเจ้าหน้าที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC รวมถึงคณะผู้แทนอาเซียน หรือ AOT ฝ่ายไทย มาสังเกตการณ์

มีรายงานว่า เชลยศึกกัมพูชา 7 นาย ร้องขอทําฟันทั้งปากให้เสร็จ ก่อนส่งตัวกลับ คาดว่ามีรายจ่ายคนละประมาณ 10,000 บาท ไทยจึงแจ้งไปว่า ให้กลับไปทำฟันที่บ้านของตัวเอง

เพจเฟซบุ๊ก ชุมชนคนสุรินทร์ ได้โพสต์ภาพ คุณหญิง ฮุน ซีนาท น้องสาวสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไปเยี่ยมให้กำลังใจทหาร และประกอบพิธีสักการะบูชาที่ปราสาทตาควาย

จะสังเกตเห็นว่า ปราสาทตาควายอยู่ในสภาพทรุดโทรม ถูกแปรสภาพไปเป็นฐานที่มั่นทางทหาร มีทั้งสแลนคลุมตัวปราสาท และการวางกระสอบทรายภายในตัวปราสาท

แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ไทยดูแลบูรณะปราสาทตาควายจนสวยงาม กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง