วันนี้ (10 พ.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาเยี่ยมโรงเรียนอัสสัมชัญ ในฐานะศิษย์เก่า โดยบรรยากาศการต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่น ทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และนักเรียนรุ่นปัจจุบัน ได้ขอจับมือนายกฯ
นายอนุทิน กล่าวถึง “ชีวิตในรั้วโรงเรียนอัสสัมชัญ” และกล่าวให้โอวาทแก่นักเรียนปัจจุบันว่า ต้องขอขอบคุณผู้อำนวยการตลอดจนนายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอัสสัมชัญ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ได้ให้เกียรติตนมาร่วมรับการแสดงความยินดีจากพวกเราชาวอัสสัมชัญทุกคนในวันนี้ ต้องขออนุญาตเรียนว่าเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นถึงแม้จะเคยเจอคนเป็นหมื่นคน และมากกว่านี้หลายเท่าตัวมาแล้วบนเวที แต่ก็ไม่เท่ากลับมาที่โรงเรียนเก่า เพราะยังกลัวคุณครูอยู่

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ในประเทศนี้ไม่มีใครเก่งกาจ เรื่องคณิตศาสตร์เท่ามาสเซอร์ไพโรจน์ รัศมีมารีย์ สมัยที่ตนเรียนอยู่และอยู่ในชั้นของมาสเซอร์ ตนได้ศูนย์คะแนน ตนไม่สามารถแก้สูตรได้ เป็นสิ่งที่อยากจะเอาชนะ สุดท้ายก็แก้ได้ และสามารถเข้าเรียนวิศวะได้ในที่สุด สมัยก่อนเรียกว่าเชน เดินถือไม้ไผ่มาจะเงียบหมดทั้งหมด
มาสเซอร์ ธเนตร บุญเจริญ สอนภาษาอังกฤษ พูดภาษาอังกฤษได้ก็เพราะท่าน เป็นคนที่สอนภาษาอังกฤษที่ทำให้พวกเราคนจำไม่มีวันลืม และเป็นผู้ที่สอนว่าอย่าอ่านภาษาอังกฤษแบบนกแก้วนกขุนทอง ต้องมีสำเนียงเข้าไปด้วย ตนก็ไปรอดชีวิตอยู่ที่อเมริกา ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่
ส่วน มิสสุดาอร สัจธรรม เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ ป.1 ที่เพิ่งเข้ามาเรียน ซึ่งเปรียบเสมือนแม่และคอยดูแลเด็ก ก่อนจะยอมรับว่าเข้าเรียนช่วงแรกร้องไห้อยากกลับบ้าน และยังได้แรงบันดาลใจจากโรงเรียนนี้ในการเรียนภาษาอังกฤษ ต้องใส่หูฟัง ซึ่งตอนนั้นไม่ได้สนใจภาษาอังกฤษเท่าไหร่ แต่ได้ลองกดปุ่มต่าง ๆ บนโต๊ะ ทำให้เกิดจินตนาการสมมติว่าตนเองเป็นนักบิน จนมาวันนี้ได้เป็นนักบินและขับเครื่องบินจริง ๆ และทำประโยชน์ให้กับประเทศส่งมอบอวัยวะสำคัญให้กับประชาชน
ส่วนมาสเซอร์ พนาเวศ หลายรัตน์ ผูกพันที่สุด เปรียบเสมือนเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดในโรงเรียน พอได้ 49 คะแนน มาสเซอร์ปัดให้เป็น 51 ด้วยความเมตตา และเรียกแม่ของตนมาให้เคี่ยวเข็ญตนให้มากกว่านี้ เพราะถ้าปล่อยไปแบบนี้เป็นโจรแน่นอน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำให้พวกเราทุกคนเป็นผู้เป็นคนได้ดิบได้ดี เติบโตด้วยความมั่นคง ที่สำคัญที่สุดคือความเป็นนักเรียนอัสสัมชัญ ทำให้เราเกรงกลัวละอายต่อการทำชั่ว ทำผิด ทำไม่ดี เพราะการปลูกฝังของอัสสัมชัญ ตั้งแต่เข้า ป.1 มาสายไม่ได้ ถ้ามาสาย ลูกท่านจะถูกตี ขอให้น้องๆ จำไว้ว่าอีก 10 ปี เราจะมานั่งนึกว่าเราโชคดีมากเลยที่เราได้มาร้องเพลงชาติ ร้องเพลงอัสสัมชัญ ตอนเย็นวันศุกร์ได้ร้องเพลงสดุดีมหาราชา ปลูกฝังแบบนี้มาเป็นเวลา 10 ปี เราต้องภาคภูมิใจในสถาบันของเรา ทั้งสถาบันการศึกษา สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นักเรียนอัสสัมชัญลายมือสวย อ่านได้ทุกคน ตนอยู่ในกระทรวงหรือในทำเนียบรัฐบาล ลูกน้องมักจะเดินมาบอกว่าลายมือท่านอ่านง่ายสวยจัง ตนบอก “มาจากอัสสัมชัญครับ” และตนไม่ใช้ปากกาลูกลื่น แต่จะใช้ปากกาหมึกซึมจนติดเป็นนิสัยถึงทุกวันนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า เราจะรู้ก็ต่อเมื่อหลุดจากรั้วไปแล้ว เล่นดนตรีได้ มีวินัย เวลาที่ตนต้องไปยืนรับเสด็จฯ ตามหน้าที่ ตนสามารถยืนหลังตรงได้ เพราะอัสสัมชัญสอนมา และวิชาความรู้จะนำพาให้เราไปสู่อนาคตที่ดี เมื่อจบไปแล้วเจอกันอัสสัมชัญรุ่นพี่รุ่นน้อง เปรียบเหมือนเกตเวย์ถูกเปิดออก จากยากเป็นง่าย หนักเป็นเบา ความใกล้ชิดเกิดแล้ว เราพยายามสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่มีหรอกเป็นกลาง เข้าข้างอัสสัมชัญเสมอ ฝากให้น้อง ๆ ได้ซึมซับว่าแล้ววันหนึ่งเราจะกลับมายินดีปรีดาที่เราได้เรียนที่สถาบันแห่งนี้ ทุกวันนี้กลางคืนนาน ๆ ที ยังฝันว่าถูกมาสเตอร์ตี ตื่นขึ้นมาเหงื่อแตกท่วมตัวด้วยความกลัว เพราะมันปลูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก และเวลาทำงานก็จะนึกถึงว่า ทำไม่ดีไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้จะถูกตี รวมถึงทำให้เรามีระเบียบวินัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์ในหน้าที่การงานทั้งหมดได้จากอัสสัมชัญ ฝากน้อง ๆ ทั้งหลาย ต้องเพิ่มวินัยให้กับตนเอง และใฝ่รู้ให้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้เราอยู่ในอนาคตที่มีการแข่งขันมากมายได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราสามารถหาสิ่งที่เราไม่รู้ได้ ทุกวันนี้ไม่ต้องลอกการบ้านเพื่อนแล้ว เปิด google อย่างเดียว หรือ chat gpt เขียนออกมายิ่งกว่าครูเขียนอีก แต่เราต้องเรียนรู้ และเข้าใจให้มากขึ้น เพราะไม่มีคนมาเคี่ยวเข็ญเราอีกแล้ว อย่าลืมหาโอกาสคิดถึงบ้านเมือง คิดถึงประเทศ คิดถึงอนาคตของพวกเรา คิดถึงคุณพ่อคุณแม่หรือลุงๆ ที่จะต้องพึ่งพาให้น้องๆ ได้ดูแล ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้อยู่ได้ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่ดี เมืองไทยหรือประเทศไหนก็ตาม ก็จะเปลี่ยนผ่านไปทีละยุค ก็ต้องฝากประเทศนี้ไว้กับมือของลูกๆ หลานๆ อัสสัมชัญรุ่นปัจจุบันนี้ทุกคน ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อาจารย์ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และทำให้ประเทศมีความเจริญตลอดไป

ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้ตอบคำถามจากนักเรียนรุ่นปัจจุบันว่า ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จว่า ให้เชื่อฟังพ่อแม่ เคารพครูบาอาจารย์ รักษาวินัย และใฝ่รู้เอาไว้ เราสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และมีความตั้งมั่น อยากอะไรก็ไปให้สุดในทางนั้น ทุ่มเทเราจะเห็นผลที่เราคาดหวังไว้ได้อย่างไม่ยาก
ทั้งนี้ นายอนุทิน เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ เลขประจำตัว 25684 รุ่นที่ 98 เป็นนักดนตรีในวงดุริยางค์โรงเรียนอัสสัมชัญ และได้รับเลือกให้เป็น “อัสสัมชนิกดีเด่น” ในโอกาสครบรอบ 135 ปีเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2563
สำหรับโรงเรียนอัสสัมชัญ มีศิษย์เก่าที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ 4 คน ได้แก่ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา, หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช, พันตรีควง อภัยวงศ์, นายสัญญา ธรรมศักดิ์, และนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ ที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรอบ 50 ปี