ตำรวจตามหาผู้เสพ เพื่อนำตัวไปบำบัดตามโครงการ ก่อนพบชายวัย 22 ปี ที่มีสารเสพติดในร่างกาย หลังตรวจสอบพบว่าเป็นบัญชีม้าด้วย

ตำรวจตามหาผู้เสพ เพื่อนำตัวไปบำบัดตามโครงการ ก่อนพบชายวัย 22 ปี ที่มีสารเสพติดในร่างกาย หลังตรวจสอบพบว่าเป็นบัญชีม้าด้วย

View icon 766
วันที่ 10 พ.ย. 2568 | 20.07 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจตามหาผู้เสพ เพื่อนำตัวไปบำบัดตามโครงการ ก่อนพบชายวัย 22 ปี ที่มีสารเสพติดในร่างกาย หลังค้นห้องเจอบัตรคิวธนาคาร 200 ใบ ตำรวจสงสัยจึงตรวจสอบบัญชี ก่อนพบว่าเป็นบัญชีม้า ให้กับหญิงไทยที่เป็นภรรยาของชาวจีน 

วันที่ 10 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ตั้งโครงการ ชื่อ "รวมพลังรักศรัทธาแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ" โดยร่วมมือกับหลายหน่วยงาน ทั้งสาธารณสุข , ตำรวจ,ผู้นำชุมชน รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น ทำการเอ็กซ์เรย์ ค้นหาผู้เสพเพื่อเข้าบำบัดตามแผนของโครงการ เช่นเดียวกับ สภ.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ค้นหาผู้เสพมาเข้าสู่กระบวนการ ได้เข้าตรวจค้นห้องพักของนายหรอย อายุ 22 ปี ชาว ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์

จากการตรวจค้นภายในห้อง ไม่พบยาเสพติด แต่ตรวจปัสสาวะ พบสารเสพติด และเจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้ง เมื่อพบบัตรคิวของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง มากกว่า 200 ใบอยู่ภายในห้องพัก เมื่อตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่า มีเงินเข้าออกครั้งละ 300,000-500,000 บาท มีเงินหมุนเวียนกว่า 2 ล้านบาท จากการสอบสวนนายหรอย รับสารภาพว่า ได้รับจ้างเปิดบัญชีม้าจริง และรับจ้างถอนเงินสดที่ธนาคาร

โดยขั้นตอนการก่อเหตุ เริ่มจากการวางแผนให้ตนเองไปนั่งรออยู่ที่ธนาคาร ด้วยการไปกดบัตรคิวรอ เมื่อถึงคิวแล้วยังไม่มีคำสั่งให้ไปเบิกเงินก็ปล่อยให้คิวเลยไปเรื่อยๆ แล้วไปกดบัตรคิวใหม่ หากได้รับแจ้งว่ามีเงินเข้าก็จะไปถอนเงินทันที ได้เงินสดออกมา จะเอาให้นายเบ๊นซ์ อายุ 27 ปีชาว ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง และ น.ส.แคท อายุ 29 ปี แฟนสาวของนายเบ๊นซ์ ซึ่งมีหน้าที่มาควบคุมตนในธนาคาร

จากนั้นนายเบ๊นซ์กับ น.ส.แคท ก็จะเอาเงินสดไปฝากที่ตู้ฝากเงินสดเข้าบัญชีของ น.ส.เหนียง ภรรยาของชาวจีน และเป็นพี่สาว นายเบ๊นซ์ โดยจะเวียนทำแบบนี้ทุกวัน

พ.ต.ท.ชาญณรงค์ ไชยสาคร สารวัตร(สืบสวน) สภ.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง หัวหน้าชุดตรวจค้น กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า มีผู้เสียหายแจ้งความจับบัญชีม้าเพิ่มขึ้นอีกหลายรายแล้ว และ สภ.หินเหล็กไฟ สามารถจับกระบวนได้แล้ว 5 คน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่านายเบ๊นซ์ มีหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ข้อหา”ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคิมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคิมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” ส่วน น.ส.เหนียง ภรรยาของชาวจีนและพี่สาวนายเบ๊นซ์ ตอนนี้ได้หลบหนีอยู่ประเทศเพื่อนบ้านและยังไม่พบหลักฐานพอที่จะออกหมายจับได้