สนามข่าว 7 สี - ทางการไทยเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดสันติภาพบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังพังทลาย หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด จนหลายฝ่ายจับตามองว่าจะมีการฉีกปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา หรือไม่
ขณะที่ล่าสุด "กัมพูชา" ออกแถลงการณ์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาลอบวางทุ่นระเบิดสังหาร พร้อมแสดงความกังวลกรณีไทยจะระงับปฏิญญาสันติภาพ รวมถึงการปล่อยตัว 18 เชลยศึก
เนื้อหาสำคัญในแถลงการณ์ คือ รัฐบาลกัมพูชา ขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ต่อข้อกล่าวหาที่อ้างว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่บริเวณชายแดน และเป็นที่ทราบดีว่าเขตทุ่นระเบิดส่วนใหญ่จากสงครามกลางเมืองกัมพูชายังไม่ได้รับการเก็บกู้ เพราะสภาพภูมิประเทศ และเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน
เหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด เกิดขึ้นบริเวณทิศตะวันออกห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. เมื่อวาน โดยในเบื้องต้นมีรายงานทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย
แต่ข้อมูลล่าสุดจาก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยัน มีทหารบาดเจ็บ 4 นาย ประกอบด้วย จ่าสิบเอก เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าขวาขาด, พลทหาร วชิระ พันธะนา มีอาการแน่นหน้าอกจากแรงอัด, พลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขา, พลทหาร อนุชา สุจารี มีอาการระคายเคืองตาจากฝุ่นหรือสารเคมีของระเบิด ซึ่งทั้งหมดพ้นขีดอันตรายแล้ว
พลตรี วินธัยฯ ยืนยัน เป็นการลักลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ ถือเป็นการละเมิดปฏิญญา และแสดงความเป็นปรปักษ์ อันส่งผลให้ข้อตกลงต้องยุติลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างกำลังพลลาดตระเวนบนเส้นทางที่ใช้เป็นประจำ ซึ่งเป็นจุดที่ทหารกัมพูชาเคยรุกล้ำเข้ามาวางกำลัง ก่อนจะถอนกำลังออกไปหลังเหตุปะทะ
และหลังจากทหารกัมพูชาถอนกำลังออกไป ฝ่ายไทยได้เข้าควบคุมพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พร้อมเสริมความมั่นคงพื้นที่ด้วยการกวาดล้างทุ่นระเบิด รวมถึงวางเครื่องกีดขวาง-ลวดหนาม และลาดตระเวนต่อเนื่อง
ต่อมา วันที่ 9 พฤศจิกายน ทหารตรวจพบว่า แนวลวดหนามที่วางไว้ถูกลักลอบเข้ามารื้อถอน จากนั้น วันที่ 10 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 08.30 น. หน่วยในพื้นที่ได้จัดชุดลาดตระเวนร่วมกับทหารช่าง เข้าพิสูจน์ทราบบริเวณแนวลวดหนามที่ถูกรื้อถอนจนเกิดเหตุการณ์ขึ้น
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด พบหลุมระเบิดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 55 เซนติเมตร ลึก 18 เซนติเมตร จำนวน 1 หลุม ชิ้นส่วนทุ่นระเบิด PMN-2 อยู่ภายในหลุม และพื้นที่ใกล้เคียง และทุ่นระเบิด PMN-2 เพิ่มเติมจำนวน 3 ทุ่น แต่ละทุ่นวางห่างจากหลุมระเบิดประมาณ 1 เมตร
เหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเกิดขึ้นมาแล้ว 7 ครั้ง
ครั้งแรก วันที่ 16 กรกฎาคม ที่ช่องบก บาดเจ็บ 3 นาย
ครั้งที่ 2 วันที่ 23 กรกฎาคม ที่ช่องอานม้า บาดเจ็บ 5 นาย
ครั้งที่ 3 วันที่ 28 กรกฎาคม บริเวณปราสาทตาควาย บาดเจ็บ 1 นาย
ครั้งที่ 4 วันที่ 9 สิงหาคม บริเวณรอยต่อบ้านโดนเอาว์-กฤษณา บาดเจ็บ 3 นาย
ครั้งที่ 5 วันที่ 12 สิงหาคม บริเวณปราสาทตาเมือนธม บาดเจ็บ 1 นาย
ครั้งที่ 6 วันที่ 27 สิงหาคม บริเวณปราสาทตาควาย บาดเจ็บ 1 นาย
และ ครั้งที่ 7 เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) ซึ่งพบว่าเหตุการณ์ทั้ง 7 ครั้ง มีทหารไทยบาดเจ็บขาขาดทุกครั้ง
สิ่งที่จะต้องจับตามองกันต่อไป คือ ทางการไทยจะมีการฉีกปฏิญญาร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา อย่างเป็นทางการหรือไม่ เพราะตลอดทั้งวันมีความเคลื่อนไหวจากทั้งรัฐบาลและกองทัพ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องการหยุดปฏิบัติตามปฏิญญาที่ลงนามกัน 2 ฝ่าย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม รวมถึงทำหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชา
ซึ่งเมื่อเย็นวานนี้ (10 พ.ย.) "นายกฯ อนุทิน" ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องรอหารือในที่ประชุม สมช. ในวันนี้ก่อน
นอกจากนี้ "นายกฯ อนุทิน" เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจทหารแนวหน้าในวันนี้ (11 พ.ย.) มีกำหนดลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการห้วยตามาเรีย และฐานปฏิบัติการอินทุมาน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
หลังจากนั้นจะไปให้กำลังใจกำลังพลที่บาดเจ็บจากเหตุเหยียบทุ่นระเบิดครั้งล่าสุด ที่ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์