เช้านี้ที่หมอชิต - มาติดตามสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำ 13,319 ล้าน ลบ.ม. (99 %) น้ำไหลเข้า 98.56 ล้าน ลบ.ม. และระบายน้ำในอัตรา 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำ 9,279 ล้าน ลบ.ม. (98 %) น้ำไหลเข้า 13.45 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำในอัตรา 10.00 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
- เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ปริมาตรน้ำ 949 ล้าน ลบ.ม. (101 %) น้ำไหลเข้า 7.83 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำในอัตรา 5.18 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาตรน้ำ 930 ล้าน ลบ.ม. (97 %) น้ำไหลเข้า 12.55 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำในอัตรา 25.95 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
ปัญหาสถานการณ์น้ำใน "เขื่อนภูมิพล" เกือบเต็มความจุ และต้องมีการเพิ่มการระบายน้ำ โดยวันที่ 11 พฤศจิกายน จะเพิ่มการระบายเป็น 53 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และวันที่ 12พฤศจิกายน เพิ่มการระบายเป็น 55 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน หลังจากนั้นจะระบายน้ำสูงสุดไม่เกิน 60 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
เรื่องนี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมกรมชลประทาน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. ติดตามสถานการณ์บริหารจัดการน้ำ คาดว่าหากยังมีน้ำมาเพิ่ม ไม่เกิน 3 วัน เขื่อนภูมิพลจะเต็มความจุ จะต้องสั่งเร่งระบาย ทำให้น้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาหนุนสูง โดยรัฐบาลเตรียมปรับแผนผันน้ำเข้าทุ่ง 2 ฝั่ง ทั้งฝั่งตะวันตก และตะวันออก เชื่อว่าสถานการณ์น้ำปีนี้ ไม่ซ้ำรอยปี 2554 ที่เกิดอุบัติเหตุควบคุมทิศทางน้ำไม่ได้ ขอย้ำว่ารัฐบาลติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ส่วนหลายคนกังวลว่า น้ำจะท่วมเหมือนเมื่อปี 2554 หรือไม่ เรื่องนี้ นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะโฆษก สทนช. แจ้งว่า ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ ไม่รุนแรงเทียบเท่าปี 2554 อย่างแน่นอน
เนื่องจากในปีดังกล่าว มีการระบายน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาสูงถึง 3,726 ลบ.เมตร/วินาที ขณะที่ปัจจุบันการระบายน้ำอยู่ที่ 2,900 ลบ.เมตร/วินาที ถือว่ายังน้อยกว่าถึง 826 ลบ.เมตร/วินาที