“กัมพูชา” ออกแถลงการณ์ ยืนยัน ไม่เคยวางทุ่นระเบิดใหม่ แต่อาจมีของเก่าที่หลงเหลือช่วงสงครามกลางเมืองเมื่อ 50 ปี และ ขอเดินหน้าตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชาต่อไป
กลางดึกที่ผ่านมา (10พ.ย.68) สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของราชอาณาจักรกัมพูชา ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ใจความสำคัญ ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชา มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับรายงานของสื่อมวลชนที่อ้างถึงแถลงการณ์ของผู้นำไทย วึ่งระบุว่า ประเทศไทยได้ระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาร่วม ระหว่างนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและไทย ที่ลงนามร่วมกัน โดยมีนาย โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียน เป็นสักขีพยาน ณ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568
หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 10 พ.ย.68 ได้รับบาดเจ็บบริเวณใกล้ปราสาทพระวิหาร และ อ้างเป็นเหตุผลที่ทำให้ไทยระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมกัน ทั้งยังได้ยกเลิกการประกาศปล่อยตัวเชลยศึก 18 คน ในวันที่ 12 พ.ย.นี้
รัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยอย่างเด็ดขาดว่า กัมพูชาได้วางกับระเบิดลูกใหม่ที่ชายแดนไทย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ทุ่งระเบิดส่วนใหญ่จากสงครามกลางเมืองของกัมพูชาในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ตามแนวชายแดนกัมพูชา ยังไม่ได้รับการเคลียร์ เนื่องจากความยากลำบากและสถานะของพื้นที่ชายแดน ยังไม่ถถูกปักปัน
รัฐบาลกัมพูชา ต้องการยืนยันว่า กัมพูชาจะยังคงมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามปฏิญญาร่วม ซึ่งลงนามท่ามกลางเสียงปรบมือจากประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งกัมพูชาในฐานะผู้สนับสนุน และเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล ยืนยัน ไม่เคยใช้ระเบิดใหม่ และจะไม่ทำอย่างนั้น