ข่าวภาคค่ำ - ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. มีมติเห็นชอบระงับปฏิญญาที่ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชา และยุติการส่งเชลยศึกกลับ หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดข้อเท้าขวาขาด
มติ สมช.ระงับปฏิญญา-ยุติส่งเชลยศึก
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุม สมช.ว่า ที่ประชุมพิจารณา 3 ประเด็นหลัก คือ 1. การสูญเสียกำลังพลของกองทัพไทยเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ 2. การมีทุ่นระเบิดในพื้นที่อธิปไตยไทย และ 3. รัฐบาลจะปกป้องอธิปไตยไทยอย่างสุดความสามารถ
ที่ประชุมได้ระงับปฏิญญาไทย-กัมพูชา ทั้ง 4 ข้อ และยุติการส่งเชลยศึกคืนให้กับกัมพูชา ส่วนการถอนอาวุธหนัก ก็ได้ระงับไว้แล้ว
รวมทั้งจะมีการปฏิบัติทางทหารในพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งมีกฎใช้กำลังอยู่แล้ว โดยได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม สมช.ในเรื่องการปฏิบัติการทางทหาร ให้ดำเนินการได้ตามสถานการณ์
ยืนยันว่า หลังจากนี้จะไม่มีการเจรจาจากกระทรวงกลาโหม และการประชุม GBC
กต.ประท้วง "กัมพูชา" ชี้แจงประชาคมโลก
ด้าน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะส่งหนังสือประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังกัมพูชา
และจะทำหนังสือประท้วงไปในกรอบอนุสัญญาออตตาวา เรื่องการห้ามใช้ทุ่นระเบิด
ควบคู่กับการชี้แจงไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศมาเลเซีย รวมทั้งชี้แจงไปยังประชาคมโลก
กต.เชิญคณะทูตฟังคำชี้แจงท่าทีไทย พรุ่งนี้
ขณะที่ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า ฝ่ายไทยเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1. แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์นี้ 2. สอบสวนกรณีดังกล่าว และ 3. ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีกในอนาคต
ในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศ จะจัดบรรยายสรุปให้กับคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยทั้งหมด เพื่อชี้แจงท่าทีของไทยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สั่งให้เวียนผลสรุปการชี้แจงทั้งหมด ส่งให้กับสถานทูตไทยในต่างประเทศทั่วโลก
เหล่าทัพประสานเสียง ยุติทุกข้อตกลง
ส่วนท่าทีของกองทัพไทย กองอากาศ และกองทัพบก ต่างออกมาแสดงจุดยืนคล้ายกัน เช่น กองทัพบกระบุว่า "ความจริงได้ปรากฏอย่างชัดเจนแล้วว่า ท่าทีแห่งความเป็นปรปักษ์ยังคงอยู่ กองทัพบกจำเป็นต้องยุติทุกข้อตกลง เพื่อรักษาสิทธิในการป้องกันตนเองจากการถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม"