เช้านี้ที่หมอชิต - ชาวบ้านที่อยู่ตามแนวปะทะ และเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายกับการเหยียบทุ่นระเบิด หนุนแนวหน้าให้เปิดสมรภูมิรบ เพราะ "สันติวิธี" ใช้ไม่ได้กับกัมพูชา
เป็นอีกหนึ่งเสียงของชาวอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มองว่าการทำปฏิญญากับกัมพูชา เป็นเพียงแค่กระดาษเปล่า ที่ไม่มีวันทำให้เกิดสันติภาพได้
ชาวบ้านยังคงมีความศรัทธาในทหาร และเชื่อว่าทุกเหล่าทัพพร้อมเปิดหน้าชนกับกัมพูชาอยู่แล้ว ติดอยู่ที่นโยบายรัฐบาล ที่มีแต่ยอม และยึดข้อตกลงร่วมเป็นหลัก แต่หากจะรบ ทุกคนก็พร้อมเก็บข้าวของอพยพออกจากแนวปะทะทันที เพราะไม่อยากให้ทหารต้องสูญเสียอวัยวะ เป็นรายที่ 8
ส่วนชาวบ้านภูมิซรอล อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตายกับการเหยียบทุ่นระเบิดในอดีตจนต้องเสียอวัยวะ หรือแม้กระทั่งต้องสูญเสียทรัพย์สินจากจรวด BM-21 ที่ตกใส่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ก็ไม่มีใครเชื่อใจว่าจะทำตามข้อตกลงได้ เพราะกัมพูชา ไม่รู้จักคำว่า "ซื่อสัตย์"
ชาวบ้านในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภาคตะวันออก ในตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด แม้จะไม่ได้ผ่านประสบการณ์เหตุปะทะก่อนหน้านี้ แต่ก็อยากเป็นอีกหนึ่งเสียง ที่สนับสนุนให้ทหารไทยมีมาตรการตอบโต้ทหารกัมพูชา ที่ยังคงละเมิดข้อตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ยอมรับว่า นับตั้งแต่เกิดการปะทะ จนนำไปสู่การปิดด่านพรมแดนทั้ง 2 ประเทศ ก็ได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ การทำมาค้าขายยากขึ้น รายได้ลดลง สุขภาพจิตเสียทุกครั้งที่เห็นฟ้าแลบและได้ยินเสียงฟ้าร้อง ครั้งนี้ หากไทยจะเปิดแนวรบ คนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนก็พร้อมอพยพเปิดทางให้ทันที ขออย่างนี้ ครั้งนี้ให้ "เจ็บแต่จบ"