มติ สมช.ระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา

View icon 56
วันที่ 12 พ.ย. 2568 | 06.11 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวานนี้ นายกฯ เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หลังเกิดเหตุทหารเหยียบระเบิดข้อเท้าขวาขาด ที่ประชุมมติเห็นชอบระงับปฎิญญาที่ลงนามร่วมกัน

มติ สมช.ระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา
หลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุม

พลเอก ณัฐพล บอกว่า ที่ประชุมพิจารณา 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การสูญเสียกำลังพลของกองทัพไทยเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ 2.การมีทุ่นระเบิดในพื้นที่อธิปไตยไทย และ 3.รัฐบาลจะปกป้องอธิปไตยไทยอย่างสุดความสามารถ

โดยมติที่ประชุมได้ระงับปฏิญญาไทย-กัมพูชา ทั้ง 4 ข้อ และยุติการส่งเชลยศึกคืนให้กับกัมพูชา ส่วนการถอนอาวุธหนัก ก็ได้ระงับไว้แล้ว

รวมทั้งจะมีการปฏิบัติทางทหารในพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งมีกฎใช้กำลังอยู่แล้ว โดยได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม สมช. ในเรื่องการปฏิบัติการทางทหาร ให้ดำเนินการได้ตามสถานการณ์

ยืนยันว่า หลังจากนี้จะไม่มีการเจรจาจากกระทรวงกลาโหม และการประชุม GBC

ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บอกว่า เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นการละเมิดปฏิญญาไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศ ได้พูดคุยกับกัมพูชา เพื่อประท้วง และจะส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังกัมพูชาอีกครั้ง รวมถึงจะทำหนังสือประท้วงไปในกรอบอนุสัญญาออตตาวา เรื่องการห้ามใช้ทุ่นระเบิด

ควบคู่กับการชี้แจงไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศมาเลเซีย ในฐานะประเทศสักขีพยานถึงความจำเป็นที่ต้องระงับปฏิญญา

ขณะที่นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า ฝ่ายไทยเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1. แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์นี้ 2. สอบสวนกรณีดังกล่าว และ 3. ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีกในอนาคต

ในวันนี้ (12 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศ จะจัดบรรยายสรุปให้กับคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยทั้งหมด เพื่อชี้แจงท่าทีของไทยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สั่งให้เวียนผลสรุปการชี้แจงทั้งหมด ส่งให้กับสถานเอกอัครราชทูตไทยที่อยู่ในต่างประเทศทั่วโลก

ขณะที่นายกรัฐมนตรี เผยว่า จะระงับ Joint Declaration ที่ไปลงนามที่มาเลเซีย จนกว่ากองทัพไทยจะเห็นว่า ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่มีแล้ว

ทบ.ยืนยัน กัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่
ขณะที่พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ออกมาชี้แจงกรณีที่กัมพูชาออกมา ระบุว่า ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบจนบาดเจ็บ เป็นทุ่นระเบิดเก่าจากสงครามในอดีตนั้น ผลจากการตรวจพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันว่า เป็นการลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดใหม่ในพื้นที่เขตไทย แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจในการปฏิบัติตามข้อตกลงที่ลงนามร่วมกัน และละเมิดอนุสัญญาออตตาวา

กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาวางทุ่นระเบิดใหม่
ส่วนท่าทีฝั่งกัมพูชา พลโท มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม เผยแพร่แถลงการณ์ (11 พ.ย.) ชี้แจงสื่อมวลชนในประเทศและต่างประเทศ โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ และอ้างว่าทหารไทยได้ลาดตระเวนเข้าไปในพื้นที่ทุ่นระเบิดเก่าจากความขัดแย้งในอดีต

ทางกัมพูชา ยังยืนยันว่า นับตั้งแต่เข้าเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา กัมพูชา ได้ปฏิบัติตามหลักการและพันธกรณีของกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่มีการใช้หรือติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ใด ๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของพลเรือน และเรียกร้องให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการลาดตระเวนในพื้นที่ทุ่นระเบิดเก่า

TMAC ประณามกัมพูชา ลอบโจมตีฝ่ายไทย
ด้านศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ที่แสดงออกถึงความไม่จริงใจ ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และเป็นอุปสรรคสำคัญ อันจะนำไปสู่การสร้างสันติภาพในภูมิภาค รวมทั้งเป็นการทำลายความเชื่อมั่นต่อทุกประเด็นที่กัมพูชาเคยให้คำมั่นในปฏิญญาต่อประชาคมโลก ทั้งระดับทวิภาคีและระดับนานาชาติ