อนุทิน บินดูน้ำท่วมภาคกลาง พร้อมขอโทษชาวบ้าน ปล่อยผจญความลำบาก

อนุทิน บินดูน้ำท่วมภาคกลาง พร้อมขอโทษชาวบ้าน ปล่อยผจญความลำบาก

View icon 76
วันที่ 12 พ.ย. 2568 | 14.23 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
12 พ.ย. 68 นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ ลง​พื้นที่ จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคกลาง​ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากพล​ ม.2 มาที่โรงเรียนป่าโมกข์วิทยาภูมิ จ.อ่างทอง​ ซึ่งระหว่างทางได้บินวนดูสถานการณ์น้ำ​จากมุมสูง​ พร้อมรับฟังรายงานสรุป​สถานการณ์​น้ำ​

จากนั้น​ นายกรัฐมนตรี​ ลงจากเฮลิคอปเตอร์​ ที่​โรงเรียนป่าโมกข์วิทยาภูมิ และถือเป็นจุดแรกของการลงพื้นที่วันนี้​ เพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชน​ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม​

นายอนุทิน​ ขึ้นเวทีกล่าวทักทาย​ประชาชน ว่า​ ตนห่วงใยชาวอ่างทอง ที่จริงตนเองต้องคลานเข้ามา เพื่อมากราบขออภัยพ่อแม่พี่น้อง ที่ปล่อยให้ต้องผจญกับความยากลำบากจากสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ ซึ่งจะโทษธรรมชาติอย่างเดียวไม่ได้​ เพราะเป็นรัฐบาล​ ต้องมีความรับผิดชอบ​ บริหารสถานการณ์ให้กับพ่อแม่พี่น้องให้ดีที่สุด​ ซึ่งที่ผ่านมาได้สั่งให้นายภราดร​ work from อ่างทอง​ ไม่ต้องทิ้งประชาชน​ ยกเว้นงานสำคัญถึงเข้า​กรุงเทพฯ​ ได้​ แต่หลังจากนั้น​ให้รีบกลับมาดูแลแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.อ่างทองและใกล้เคียง ใช้เวลาที่นี่ให้มากที่สุด เข้าใจว่าปัญหานี้เกิดซ้ำ ในฐานะที่เป็นลูกแม่เจ้าพระยาด้วยกัน​ ทรัพย์สินเสียหายพี่น้องต้องย้ายของหนีน้ำ​ ความรู้สึกที่ต้องอยู่ในภาวะน้ำท่วม ตนเข้าใจดี​

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวต่อว่า​ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ ให้หลังคาเรือนละ 9,000 บาท แต่คงไม่มีใครอยากได้​ สิ่งที่ต้องการคือใช้ชีวิตประกอบทำอาชีพด้วยความเป็นปกติสุข หลายครอบครัวในอ่างทอง เป็นเจ้าของนาเจ้าของไร่ เสียสละนาไร่เป็นพื้นที่รับน้ำ สูญเสียโอกาส ผลิตพืชผลทางการเกษตรทำไร่ทำนา เป็นผู้เสียสละรับน้ำ​ ไม่ให้ไปกระทบทำความเสียหายในเขตเมืองที่ถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจ ให้ได้รับความเสียหาย ขออนุญาตใช้อำนาจความเป็นนายกรัฐมนตรี ทดแทนโอกาสที่พ่อแม่พี่น้อง ชาวไร่ชาวนาที่สละพื้นที่ ไร่นาเลือกสวนเป็นพื้นที่รับน้ำ จะขออนุญาตเอางบประมาณที่กำกับดูแลอยู่มาดูแล รายเดือนจนกว่าน้ำจะหมดไป ปกติ 2 เดือน 3 เดือนไม่เป็นไร แต่นี่ 4 เดือนแล้วเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องมาเยียวยาพวกท่าน ขอให้นายภราดรเร่งนำเสนอเพื่ออนุมัติโดยเร็ว และไม่ใช่เฉพาะ จ.อ่างทอง แต่เป็นทุกที่ที่ชาวบ้านพี่น้องชาวเกษตรกรชาวไร่ชาวนาได้สละ พื้นที่ของตัวเองให้เป็นพื้นที่รับน้ำ และทำให้ตัวเองสูญเสีย โอกาสในการสร้างรายได้ ในการผลิตพืชผลทางการเกษตร

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า​ ได้สั่งการให้หน่วยงานทุกระดับลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง​ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยที่กำกับดูแลและหน่วยกู้ภัยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และจัดหาของกินของใช้สิ่งของที่จำเป็นให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ให้พ่อแม่พี่น้อง สามารถดำรงชีวิตได้​ ท่ามกลางความลำบากจากการคุกคามของภัยธรรมชาติครั้งนี้ ช่วงใกล้สิ้นเดือน ทุกอย่างน่าจะเบาลง เพราะได้มีการวางแผนร่วมกันและทำงานกันเป็นทีม ทั้งจา​ก​สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมชลประทาน​ เพื่อหาหนทางในการระบายน้ำเปิดปิดประตูระบายน้ำและจัดการเส้นทางเดินของน้ำให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า เข้าใจดีเสียงกร่นเสียงด่าของพ่อแม่พี่น้องเพราะมีทุกข์ ท่านระบายใส่ พวกเราพร้อมที่จะเป็นที่พึ่ง กล่าวถึงความในใจและความทุกข์ของท่าน ซึ่งรับทราบดี บางคนอึดอัดอยากระบาย ระบายมาได้เลย ตนดูใน YouTube ต้องชื่นชม สส.แบต, สส.แชมป์ ที่ขึ้นรถอีแต๋น รถบรรทุก เยี่ยมพี่น้องที่ประสบภัย บางครั้งโดนเสียงบ่น บางครั้งโดนเสียงด่า แต่ทั้งสองคนยังสำนึกตลอดเวลา เพราะเลือกชีวิตที่จะอยู่เป็นคนรับใช้ ของพี่น้องประชาชนแล้ว เพราะฉะนั้น เสียงด่าเหล่านี้รับฟัง และไปหาหนทางแก้ไข ถือเป็นมงคลหู เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องรับฟัง ไม่มีตอบโต้ใด ๆ นอกจาก นำไปคิดและแสวงหาความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ แก้ปัญหาให้พี่น้องทุกคน

นายอนุทิน​ ยังสอบถามว่าใครลงทะเบียน​คนละครึ่งพลัสหรือไม่ ได้บัตรในสวัสดิการหรือไม่ ให้ยกมือขึ้น ทุกคนที่ลง ได้ขอร้องให้ไปลงทะเบียน ถ้าตกหล่นสิ้นปีจะมีเฟส​ 2 และคนที่ตกรอบแรกจะคืนไปให้ด้วย คนที่ได้เฟสแรกแล้ว เฟส 2 ก็จะได้ตามปกติ​ ตนมีความกังวลใจมาก ขอกลับไปช่วยเหลือพี่น้องให้มากที่สุดเท่าที่จะช่วยได้ ขอพบปะเท่านี้ก่อนเดี๋ยวจะไปดูเขื่อนแล้วจะไปอำเภออื่นอีก หรือถ้ามันจะพยายามทำทุกอย่าง ร้องขออภัยอีกครั้งและยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ เหมือนแบบนี้ขึ้นอีก

จากนั้น​ นายกรัฐมนตรี​ ได้มอบใบประกาศนียบัตร​ ให้กับจิตอาสา​ และมอบถุงยังชีพให้กับพี่น้องประชาชน​ ก่อนเดินไปดู​พนังกั้นน้ำ​ แม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับโรงเรียนป่าโมกข์วิทยา โดยได้นำมือไปวัดปริมาณน้ำ จากขอบของพนัง พบว่าเหลือเพียงฝ่ามือเดียวก็จะล้นขึ้นมาแล้ว และยังได้นำมือไปกวักน้ำขึ้นมา แล้วพูดว่าน้ำยังใสอยู่